“หมอประกิต” โวย ก.คลัง สั่งโรงงานยาสูบยุติจัดทัวร์คอนเสิร์ต เหตุขัดเจตนารมณ์ พ.ร.บ.ควบคุมยาสูบ ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ทำลายชื่อเสียงประเทศไทย
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ เรียกร้องให้กระทรวงการคลังสั่งการให้โรงงานยาสูบยุติโครงการจัดแสดงทัวร์ดนตรี TTM Music Tour ปีที่ 2 ที่จะมีขึ้นตลอดช่วงเดือนนี้ถึงเดือนสิงหาคม เนื่องจากเป็นการกระทำที่ขัดต่อเจตนารมณ์ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 มาตรา 8 ที่ห้ามสินค้ายาสูบโฆษณาส่งเสริมการขายและอุปถัมภ์การจัดกิจกรรมต่างๆ แต่โรงงานยาสูบก็หลีกเลี่ยงกฎหมายโดยใช้ชื่อ TTM หรือโรงงานยาสูบแทน อีกทั้งการกระทำดังกล่าวขัดต่อข้อกำหนดมาตรา 5.3 อนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก ที่ระบุว่ากิจการหลักของบริษัทบุหรี่ที่ผลิตสินค้ายาสูบ เป็นการขัดแย้งต่อหลักการรับผิดชอบต่อสังคมอย่างชัดแจ้ง ไม่สามารถลบล้างด้วยการกระทำใดๆ ที่อ้างว่ารับผิดชอบหรือสร้างสรรค์สังคมได้ เพราะยาสูบเป็นสินค้าเสพติดที่ทำให้ครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคระยะยาวเสียชีวิต
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า พฤติกรรมของโรงงานยาสูบที่ฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของกฎหมายไทย และขัดต่อข้อกำหนดของอนุสัญญาควบคุมยาสูบของโลก เป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง ทำให้ประเทศไทยขายหน้าในเวทีโลก ทุกครั้งที่ตนไปประชุมยังต่างประเทศ จะมีคนมาถามว่าทำไมรัฐบาลไทย จึงปล่อยให้โรงงานยาสูบทำสิ่งที่ฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของกฎหมาย และขัดต่ออนุสัญญา ที่ประเทศไทยร่วมลงนามเช่นนี้ตนจึงขอเรียกร้องให้กระทรวงการคลังอย่าได้เพิกเฉยต่อการกระทำที่ทำลายชื่อเสียงของประเทศไทย เพียงเพื่อผลประโยชน์ของโรงงานยาสูบเท่านั้น
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ เรียกร้องให้กระทรวงการคลังสั่งการให้โรงงานยาสูบยุติโครงการจัดแสดงทัวร์ดนตรี TTM Music Tour ปีที่ 2 ที่จะมีขึ้นตลอดช่วงเดือนนี้ถึงเดือนสิงหาคม เนื่องจากเป็นการกระทำที่ขัดต่อเจตนารมณ์ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 มาตรา 8 ที่ห้ามสินค้ายาสูบโฆษณาส่งเสริมการขายและอุปถัมภ์การจัดกิจกรรมต่างๆ แต่โรงงานยาสูบก็หลีกเลี่ยงกฎหมายโดยใช้ชื่อ TTM หรือโรงงานยาสูบแทน อีกทั้งการกระทำดังกล่าวขัดต่อข้อกำหนดมาตรา 5.3 อนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก ที่ระบุว่ากิจการหลักของบริษัทบุหรี่ที่ผลิตสินค้ายาสูบ เป็นการขัดแย้งต่อหลักการรับผิดชอบต่อสังคมอย่างชัดแจ้ง ไม่สามารถลบล้างด้วยการกระทำใดๆ ที่อ้างว่ารับผิดชอบหรือสร้างสรรค์สังคมได้ เพราะยาสูบเป็นสินค้าเสพติดที่ทำให้ครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคระยะยาวเสียชีวิต
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า พฤติกรรมของโรงงานยาสูบที่ฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของกฎหมายไทย และขัดต่อข้อกำหนดของอนุสัญญาควบคุมยาสูบของโลก เป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง ทำให้ประเทศไทยขายหน้าในเวทีโลก ทุกครั้งที่ตนไปประชุมยังต่างประเทศ จะมีคนมาถามว่าทำไมรัฐบาลไทย จึงปล่อยให้โรงงานยาสูบทำสิ่งที่ฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของกฎหมาย และขัดต่ออนุสัญญา ที่ประเทศไทยร่วมลงนามเช่นนี้ตนจึงขอเรียกร้องให้กระทรวงการคลังอย่าได้เพิกเฉยต่อการกระทำที่ทำลายชื่อเสียงของประเทศไทย เพียงเพื่อผลประโยชน์ของโรงงานยาสูบเท่านั้น