สปสช.รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว-มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เน้นปลูกถ่ายไขกระดูกจากเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต นำร่อง 25 ราย ปี 54 ใช้งบ 20 ล้านบาท
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว(Leukemia) และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) เป็นโรคที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ต้องใช้เวชภัณฑ์ที่มีราคาแพง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดด้านค่ารักษาพยาบาล ดังนั้น เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพและมาตรฐานเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สปสช.ได้ใช้วิธีการบริหารจัดการเฉพาะสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สิทธิหลักประกันสุขภาพ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นผู้ป่วยรายใหม่เท่านั้น คือ เป็นแล้วยังไม่เคยได้รับการรักษามาก่อน และเป็นชนิดที่ สปสช.กำหนดไว้ ซึ่งแพทย์จะตรวจและพิจารณาดูว่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่ สปสช.กำหนดหรือไม่ ทั้งนี้ ผู้ป่วยจะลงทะเบียน ณ โรงพยาบาลในโครงการ ซึ่งในปี 2554 มี 41 แห่ง แบ่งเป็น รพ.ที่รักษามะเร็งเด็ก 29 แห่ง และ รพ.ที่รักษามะเร็งผู้ใหญ่ 39 แห่ง ซึ่งเมื่อลงทะเบียนแล้วจะต้องรับการรักษาตามแผนการรักษาที่กำหนดไว้กับ รพ.แห่งนั้นจนเสร็จแผนการรักษา
นพ.วินัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สปสช.มีโครงการนำร่องรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ด้วยวิธีการปลูกถ่ายไขกระดูก โดยใช้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตด้วย โดยในระหว่างการนำร่องนี้จะเป็นการหาปัจจัยต่างๆ ในการจัดระบบบริการให้มีการเข้าถึงบริการที่เหมาะสม คาดว่า น่าจะใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท ตั้งเป้าจำนวนผู้ป่วย 25 ราย โดยผู้ป่วยและหน่วยบริการที่เข้าร่วมต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ สปสช.กำหนด ทั้งนี้ จ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยแบบเหมาจ่ายรายละ 8 แสนบาท ประกอบด้วย ค่า HLA Matching ค่าทำการปลูกถ่ายไขกระดูก ค่ายากดภูมิคุ้มกัน เคมีบำบัด เป็นต้น
