xs
xsm
sm
md
lg

ป้องกันมะเร็งลำไส้ ด้วยใยอาหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภญ.กรรณิการ์ เอกศักดิ์ บริษัท เฮลธ์ อิมแพค จำกัด กล่าวว่า อาการท้องผูก เกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศโลกตะวันตก ประชากรเกือบทุกคนประสบปัญหาท้องผูกกันถ้วนหน้า แต่ยังไม่มีใครให้ความสนใจกับอาการนี้กันอย่างจริงจัง หากมีอาการท้องผูกบ่อยๆ ก็จัดได้ว่าเป็นโรคภัยชนิดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามไป บางท่านอาจคิดว่าการขับถ่ายอุจจาระเป็นประจำไม่ใช่สิ่งจำเป็น คิดว่า การไม่ได้ถ่ายนานๆ 3-4 วัน ก็ไม่มีอันตรายใดๆ แต่ในความจริงการกินอาหารทุกวัน ร่างกายก็จะมีการย่อยทุกวัน เราก็ควรขับถ่ายทุกวันด้วยเช่นกัน

ลำไส้ใหญ่ของเราเป็นอวัยวะส่วนที่จะเก็บอุจจาระไว้ ซึ่งจะดูดซับสารเคมีหลายชนิดที่ปะปนอยู่ในอุจจาระ ซึ่งบางชนิดอาจเป็นพิษต่อร่างกายได้ ยิ่งปล่อยให้อุจจาระหมักหมมในลำไส้ใหญ่นานเท่าใด โอกาสที่จะเกิดเป็นอันตรายก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งอุจจาระของเสียเหล่านี้ ยังเป็นอาหารชั้นดีของเชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่อาศัยอยู่ในลำไส้ ทำให้มีการเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึงการเพิ่มปริมาณของสารพิษ ของเสีย รวมทั้งแก๊สกลิ่นเหม็น อันจะทำให้เกิดอาการอึดอัด แน่นท้อง อ่อนแอ เจ็บป่วย หรือเกิดโรคริดสีดวงทวาร และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น

การรักษาโรคท้องผูก ส่วนใหญ่แล้วคนที่มีปัญหาก็มักจะรักษาอาการด้วยตัวเองเป็นหลัก เริ่มจากการใช้ยาระบายหรือยาถ่ายในรูปต่างๆ ซึ่งยาพวกนี้มีตั้งแต่ที่ไม่เป็นอันตรายอะไรไปจนถึงอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้เมื่อใช้เป็นประจำ และเป็นระยะเวลานาน เพราะถ้าใช้ปริมาณมากเกินไปจะทำลายระบบประสาทที่อยู่บริเวณลำไส้ใหญ่ได้ ทำให้การบีบตัวของลำไส้ใหญ่เสียไป ต้องพึ่งการใช้ยาตลอดชีวิต นอกจากการใช้ยาแล้ว บางท่านก็จะใช้กลุ่มของไฟเบอร์ชนิดเม็ด แคปซูล หรือผง เช่น เมล็ดแมงลัก ใยอาหารจากหัวบุกซึ่งเป็นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำ เพื่อเพิ่มปริมาณกากอาหารที่เป็นอุจจาระให้มีปริมาณมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อของลำไส้ใหญ่เร่งการขับถ่ายให้เร็วขึ้น

ปัจจุบันด้วยวิทยาการใหม่ ได้มีการพัฒนาเส้นใยอาหารบริสุทธิ์ อินนูลิน ซึ่งเป็นใยอาหารที่ละลายน้ำ นอกจากจะช่วยรักษาอาการท้องผูก ทำให้อุจจาระนุ่มขึ้นสามารถขับถ่ายได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพลำไส้ และ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ โดยใยอาหาร อินนูลิน ถือเป็นพรีไบโอติก ที่มีคุณสมบัติ ละลายในน้ำ ไม่ถูกย่อย และดูดซึมในทางเดินอาหารของร่างกาย แต่จะถูกหมักเป็นอาหารของจุลินทรีย์สุขภาพ ซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา โดยจุลินทรีย์สุขภาพโดยเฉพาะชนิดปิฟิโดแบคทีเรีย จะมีความสำคัญต่อเรื่องภูมิต้านทานของร่างกาย ช่วยส่งเสริมการสร้างวิตามินบี และการสังเคราะห์สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อตับ ถือว่าเป็นจุลินทรีย์ที่มีความสำคัญ ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้ใหญ่ เพราะในช่วงเด็กแรกเกิด ลำไส้จะไม่มีจุลินทรีย์ชนิดนี้ จะได้รับจากน้ำนมแม่ ส่วนผู้ใหญ่เมื่ออายุมากขึ้นปิฟิโดแบคทีเรียในร่างกายจะลดจำนวนลง ดังนั้น เราจึงพบว่า ผู้ที่มีปัญหาท้องผูก หรือร่างกายอ่อนแอ มักพบปิฟิโดแบคทีเรียน้อยกว่าคนทั่วไป
กำลังโหลดความคิดเห็น