ก.แรงงาน เผย ลูกจ้างกว่าแสนคน ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เกี่ยวกับผลิตชิ้นส่วนรถยนต์-ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จ.สมุทรปราการ กระทบสูงสุดเกือบแสนคน คาดไม่ปลดคนออก ด้านอาหาร-เกษตรแปรรูป ส้มหล่น! รายได้เพิ่ม
วันนี้ (29 มี.ค.) นางอัมพร นิติสิริ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวถึงการเฝ้าระวังผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์ภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น ที่ส่งผลกระทบต่อแรงงานไทย จากสถานประกอบการที่มีผู้ถือหุ้น หรือเจ้าของกิจการเป็นชาวญี่ปุ่น 767 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง 471,476 คน ว่า ล่าสุด ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น 325 แห่ง ลูกจ้าง 108,808 คน ส่วนใหญ่เป็นกิจการผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ 258 แห่ง ลูกจ้าง 68,955 คน รองลงมาคือ กิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 58 แห่ง ลูกจ้าง 37,007 คน ส่วนที่เหลือเป็นกิจการจำหน่ายและซ่อมรถยนต์ ผลิตสายไฟฟ้า และ อาหาร โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบสูงที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1.สมุทรปราการ ได้รับผลกระทบ 307 แห่ง ลูกจ้าง 99,600 คน 2.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบ 1 แห่ง ลูกจ้าง 4,135 คน 3.กรุงเทพมหานคร ได้รับผลกระทบ 11 แห่ง ลูกจ้าง 2,650 คน 4.พิษณุโลก ได้รับผลกระทบ 1 แห่ง ลูกจ้าง 1,095 คน และ 5.บุรีรัมย์ ได้รับผลกระทบ 1 แห่ง ลูกจ้าง 507 คน สาเหตุหลักเกิดจากกลุ่มผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ ขาดชิ้นส่วนสำคัญในการผลิต
ส่วนมาตรการแก้ปัญหาในเบื้องต้นนั้น คือ ลดกำลังการผลิต ลดการทำงานล่วงเวลา หรือใช้มาตรา 75 ในการหยุดงาน ซึ่งนายจ้างยังคงจ่ายค่าจ้างในอัตราร้อยละ 75 ของอัตราเงินเดือน โดยคาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว และจะไม่มีการปลดคนงาน เพราะสถานประกอบการที่กระทบส่วนใหญ่ยังคงต้องการลูกจ้างฝีมือ
“มีสถานประกอบการประเภทอาหารและเกษตรแปรรูปในจังหวัดเชียงใหม่ และผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในจังหวัดชลบุรี ที่ได้รับผลกระทบในเชิงบวก เนื่องจากบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่น ไม่สามารถผลิตชิ้นส่วน หรือสินค้าได้ จึงให้บริษัทลูกในประเทศไทยผลิตแทน โดยเพิ่มเวลาการทำงานให้กับพนักงานจาก 2 กะ เป็น 3 กะ ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้อีกทางหนึ่ง โดยในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ประเทศญี่ปุ่นอาจจะมีการเพิ่ม หรือตั้งแหล่งผลิตขึ้นใหม่อีก”อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าว
วันนี้ (29 มี.ค.) นางอัมพร นิติสิริ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวถึงการเฝ้าระวังผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์ภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น ที่ส่งผลกระทบต่อแรงงานไทย จากสถานประกอบการที่มีผู้ถือหุ้น หรือเจ้าของกิจการเป็นชาวญี่ปุ่น 767 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง 471,476 คน ว่า ล่าสุด ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น 325 แห่ง ลูกจ้าง 108,808 คน ส่วนใหญ่เป็นกิจการผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ 258 แห่ง ลูกจ้าง 68,955 คน รองลงมาคือ กิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 58 แห่ง ลูกจ้าง 37,007 คน ส่วนที่เหลือเป็นกิจการจำหน่ายและซ่อมรถยนต์ ผลิตสายไฟฟ้า และ อาหาร โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบสูงที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1.สมุทรปราการ ได้รับผลกระทบ 307 แห่ง ลูกจ้าง 99,600 คน 2.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบ 1 แห่ง ลูกจ้าง 4,135 คน 3.กรุงเทพมหานคร ได้รับผลกระทบ 11 แห่ง ลูกจ้าง 2,650 คน 4.พิษณุโลก ได้รับผลกระทบ 1 แห่ง ลูกจ้าง 1,095 คน และ 5.บุรีรัมย์ ได้รับผลกระทบ 1 แห่ง ลูกจ้าง 507 คน สาเหตุหลักเกิดจากกลุ่มผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ ขาดชิ้นส่วนสำคัญในการผลิต
ส่วนมาตรการแก้ปัญหาในเบื้องต้นนั้น คือ ลดกำลังการผลิต ลดการทำงานล่วงเวลา หรือใช้มาตรา 75 ในการหยุดงาน ซึ่งนายจ้างยังคงจ่ายค่าจ้างในอัตราร้อยละ 75 ของอัตราเงินเดือน โดยคาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว และจะไม่มีการปลดคนงาน เพราะสถานประกอบการที่กระทบส่วนใหญ่ยังคงต้องการลูกจ้างฝีมือ
“มีสถานประกอบการประเภทอาหารและเกษตรแปรรูปในจังหวัดเชียงใหม่ และผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในจังหวัดชลบุรี ที่ได้รับผลกระทบในเชิงบวก เนื่องจากบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่น ไม่สามารถผลิตชิ้นส่วน หรือสินค้าได้ จึงให้บริษัทลูกในประเทศไทยผลิตแทน โดยเพิ่มเวลาการทำงานให้กับพนักงานจาก 2 กะ เป็น 3 กะ ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้อีกทางหนึ่ง โดยในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ประเทศญี่ปุ่นอาจจะมีการเพิ่ม หรือตั้งแหล่งผลิตขึ้นใหม่อีก”อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าว
