เคที จัด 6 โซนบริหารซูเปอร์สกายวอล์ก เผยมีทั้งโซนพาณิชยกรรม เศรษฐกิจ ที่พักอาศัย ชี้ เน้นดูแลคนในพื้นที่เป็นหลัก “อมร” ระบุยังไม่เซ็นสัญญา กทม.ส่งผลก่อสร้างล่าช้า ทำดอกเบี้ยเงินลงทุนสูงขึ้น
นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการซูเปอร์สกายวอล์กที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) มอบให้เป็นผู้บริหารจัดการ ว่า ทางกรุงเทพธนาคมได้ศึกษาไว้เบื้องต้นถึงแผนบริหารจัดการซูเปอร์สกายวอล์กโดยได้มีการจัดแบ่งไว้ 6 โซน อาทิ โซนเชิงพาณิชยกรรม โซนเศรษฐกิจ โซนที่พักอาศัย โซนแบบผสมผสานซึ่งจะเป็นย่านที่พักผสมกับย่านธุรกิจ เนื่องจากพื้นที่ติดกัน เช่น สุขุมวิทเชื่อมต่อกับเพลินจิต ที่มีคอนโดที่พักอาศัยจำนวนมาก รวมถึงมีสวนสาธารณะ ซึ่งในแต่ละโซนจะมีความแตกต่างกัน ดังนั้น ในการบริหารจัดการต้องยึดการตอบสนองคนในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งคิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ สำหรับคนพื้นที่อื่นที่ใช้เส้นทางนี้สัญจรไปมา เช่น ในโซนที่พักอาศัยจากการสำรวจ กทม.มีการจัดกิจกรรมต่างๆมากมาย เราจึงสามารถนำกิจกรรมนี้มาหมุนเวียนจัดนิทรรศการในโซนนี้ ขณะที่โซนเศรษฐกิจ รูปแบบการดำเนินชีวิต (Life style) ในย่านนี้ก็จะรวดเร็ว ดังนั้น ในการบริหารจัดการก็จะแตกต่างจากโซนที่พักอาศัย ซึ่งในโซนนี้ก็จะมีแนวคิดในการติดตั้งจอแอลซีดีขนาดใหญ่สำหรับคอยรายงานตลาดหุ้น ค่าเงิน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในการคิดค่าบริหารจัดการจะมีการเกลี่ยให้เท่ากันในแต่ละพื้นที่ และหาก กทม.สามารถดูแลพื้นที่สีเขียวได้ก็จะไม่คิดในส่วนนี้ซึ่งจะต้องมีการหารือกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง กทม.ยังไม่ได้เซ็นสัญญาว่าจ้างกรุงเทพธนาคมเข้ามาบริหารจัดการโครงการอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ดังนั้นจึงยังไม่สามารถเดินหน้าลงเสาเข็มการก่อสร้างตามที่ กทม.กำหนดไว้ในวันที่ 15 มีนาคม 2554 แต่ทางกรุงเทพธนาคมจะคงดำเนินการในด้านอื่นไปก่อน ทั้งนี้ เมื่อการเซ็นสัญญาล่าช้าออกไปก็จะทำให้อัตราดอกเบี้ยจากแหล่งเงินทุน คือ ธนาคารกรุงไทยที่จะให้เงินกู้แก่กรุงเทพธนาคม ในวงเงินกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในอัตราเริ่มต้นที่ร้อยละ 4.7 ต่อปี เพิ่มสูงขึ้นไปอีก หากไม่มีการเซ็นสัญญาในเดือนมีนาคมนี้ เพราะหากเซ็นสัญญาในเดือนหน้าก็จะมีการปรับขึ้นอีกร้อยละ 1 แน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเซ็นสัญญาจะล่าช้าออกไปแต่กรุงเทพธนาคมก็ต้องดำเนินการก่อสร้างในเส้นสุขุมวิทให้แล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้อย่างแน่นอน
นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการซูเปอร์สกายวอล์กที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) มอบให้เป็นผู้บริหารจัดการ ว่า ทางกรุงเทพธนาคมได้ศึกษาไว้เบื้องต้นถึงแผนบริหารจัดการซูเปอร์สกายวอล์กโดยได้มีการจัดแบ่งไว้ 6 โซน อาทิ โซนเชิงพาณิชยกรรม โซนเศรษฐกิจ โซนที่พักอาศัย โซนแบบผสมผสานซึ่งจะเป็นย่านที่พักผสมกับย่านธุรกิจ เนื่องจากพื้นที่ติดกัน เช่น สุขุมวิทเชื่อมต่อกับเพลินจิต ที่มีคอนโดที่พักอาศัยจำนวนมาก รวมถึงมีสวนสาธารณะ ซึ่งในแต่ละโซนจะมีความแตกต่างกัน ดังนั้น ในการบริหารจัดการต้องยึดการตอบสนองคนในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งคิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ สำหรับคนพื้นที่อื่นที่ใช้เส้นทางนี้สัญจรไปมา เช่น ในโซนที่พักอาศัยจากการสำรวจ กทม.มีการจัดกิจกรรมต่างๆมากมาย เราจึงสามารถนำกิจกรรมนี้มาหมุนเวียนจัดนิทรรศการในโซนนี้ ขณะที่โซนเศรษฐกิจ รูปแบบการดำเนินชีวิต (Life style) ในย่านนี้ก็จะรวดเร็ว ดังนั้น ในการบริหารจัดการก็จะแตกต่างจากโซนที่พักอาศัย ซึ่งในโซนนี้ก็จะมีแนวคิดในการติดตั้งจอแอลซีดีขนาดใหญ่สำหรับคอยรายงานตลาดหุ้น ค่าเงิน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในการคิดค่าบริหารจัดการจะมีการเกลี่ยให้เท่ากันในแต่ละพื้นที่ และหาก กทม.สามารถดูแลพื้นที่สีเขียวได้ก็จะไม่คิดในส่วนนี้ซึ่งจะต้องมีการหารือกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง กทม.ยังไม่ได้เซ็นสัญญาว่าจ้างกรุงเทพธนาคมเข้ามาบริหารจัดการโครงการอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ดังนั้นจึงยังไม่สามารถเดินหน้าลงเสาเข็มการก่อสร้างตามที่ กทม.กำหนดไว้ในวันที่ 15 มีนาคม 2554 แต่ทางกรุงเทพธนาคมจะคงดำเนินการในด้านอื่นไปก่อน ทั้งนี้ เมื่อการเซ็นสัญญาล่าช้าออกไปก็จะทำให้อัตราดอกเบี้ยจากแหล่งเงินทุน คือ ธนาคารกรุงไทยที่จะให้เงินกู้แก่กรุงเทพธนาคม ในวงเงินกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในอัตราเริ่มต้นที่ร้อยละ 4.7 ต่อปี เพิ่มสูงขึ้นไปอีก หากไม่มีการเซ็นสัญญาในเดือนมีนาคมนี้ เพราะหากเซ็นสัญญาในเดือนหน้าก็จะมีการปรับขึ้นอีกร้อยละ 1 แน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเซ็นสัญญาจะล่าช้าออกไปแต่กรุงเทพธนาคมก็ต้องดำเนินการก่อสร้างในเส้นสุขุมวิทให้แล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้อย่างแน่นอน
