ศูนย์ข่าวศรีราชา - อนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เน้นความรับผิดชอบต่อสังคม และชุมชนของโครงการพัฒนาอุตสาหกรรม
นายสนธิ คชวัฒน์ อนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภาและ ผู้ทรงคุณวุฒิคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ปัจจุบันการพัฒนาโครงการอุตสาหกรรมของประเทศไทย จากเดิมที่เน้นกระบวนการพัฒนาการผลิตและการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกต่างประเทศเป็นหลัก อาจละเลยต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสังคมและชุมชนบ้าง ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น บทเรียนจากการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด การพัฒนาเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซ หรือถ่านหิน
ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ทำการปรับตัว และดำเนินการในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม หรือคืนกำไรให้สังคมและชุมชนที่โครงการตั้งอยู่มากยิ่งขึ้น ที่เรียกว่า CSR(Corporate Social Responsibity ) อนุกรรมาธิการสิงแวดล้อม วุฒิสภา เห็นว่า โครงการ พัฒนาอุตสาหกรรมเมื่อมีกำไรแล้ว ก็ควรหันกลับมามองสังคมและชุมชนที่ตนเองตั้งอยู่ด้วย โดยตอบแทนชุมชนด้วยการพัฒนาชุมชนเท่าที่ทำได้ ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำกับเรือ โครงการอุตสาหกรรมเสมือนเรือ ชุมชน และสังคมโดยรอบเสมือนน้ำ หากน้ำไม่พยุงเรือ เรือก็จม เช่นกันชุมชนและสังคมโดยรอบไม่พยุงโรงงานอุตสาหกรรม โรงงานก็ไม่สามารถอยู่ได้
จากการตรวจสอบการดำเนินกิจการต่างๆ ที่ผ่านมา พบว่า พื้นที่แหลมฉบัง อ่าวอุดม โรงกลั่นน้ำมันบริษัท ไทยออยล์ จำกัด เป็นโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชน มีชุมชนล้อมรอบค่อนข้างหนาแน่น ซึ่งคิดว่าอาจมีผลกระทบต่อชุมชนเป็นครั้งคราว เมื่อตรวจสอบพบว่า บริษัทมีโครงการความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคมโดยรอบ และสร้างให้ชุมชนมีความไว้วางใจ มีความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เปิดโอกาสให้ชุมชนเยี่ยมชมโรงงานและให้ข้อติชม เน้นการพูดคุยกับชุมชน ตั้งศูนย์สุขภาพชุมชน เมื่อเกิดปัญหาระบบผิดปกติในบางครั้ง เช่น มีกลิ่นเหม็น ขอให้ชุมชนแจ้งไปยังศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและกำหนดให้โรงกลั่นแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด
นายสนธิ กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบพบว่าตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีเรื่องร้องเรียนมายังหน่วยราชการเลย นอกจากนี้บริษัทที่ทำ CSR ได้ผลอย่างดีมากอีกแห่ง ก็คือ เขตประกอบการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) อำเภอศรีราชา ชลบุรี เป็นเขตประกอบการที่มีโรงงานประมาณ 180 แห่งตั้งอยู่ มีชุมชนล้อมรอบหนาแน่น
บริษัทเน้นการสร้างโรงงานในสวน เน้นพื้นที่สีเขียว ดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน เน้นการพูดคุย และการมีส่วนร่วมของชุมชน ลดมลพิษให้น้อยที่สุด พบว่าประชาชนร้อยละ98 โดยรอบมั่นใจในการดำเนินกิจการของบริษัท และยอมรับว่า บริษัทสหพัฒนาคือส่วนหนึ่งของสังคม
อนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา จึงขอเชิญชวนให้โรงงานอุตสาหกรรมหันมาทำกิจกรรม CSR เพื่อให้โรงงานเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และเป็นที่ไว้วางใจของชุมชนตลอดจนร่วมพัฒนาชุมชนโดยรอบต่อไป
นายสนธิ คชวัฒน์ อนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภาและ ผู้ทรงคุณวุฒิคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ปัจจุบันการพัฒนาโครงการอุตสาหกรรมของประเทศไทย จากเดิมที่เน้นกระบวนการพัฒนาการผลิตและการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกต่างประเทศเป็นหลัก อาจละเลยต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสังคมและชุมชนบ้าง ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น บทเรียนจากการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด การพัฒนาเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซ หรือถ่านหิน
ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ทำการปรับตัว และดำเนินการในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม หรือคืนกำไรให้สังคมและชุมชนที่โครงการตั้งอยู่มากยิ่งขึ้น ที่เรียกว่า CSR(Corporate Social Responsibity ) อนุกรรมาธิการสิงแวดล้อม วุฒิสภา เห็นว่า โครงการ พัฒนาอุตสาหกรรมเมื่อมีกำไรแล้ว ก็ควรหันกลับมามองสังคมและชุมชนที่ตนเองตั้งอยู่ด้วย โดยตอบแทนชุมชนด้วยการพัฒนาชุมชนเท่าที่ทำได้ ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำกับเรือ โครงการอุตสาหกรรมเสมือนเรือ ชุมชน และสังคมโดยรอบเสมือนน้ำ หากน้ำไม่พยุงเรือ เรือก็จม เช่นกันชุมชนและสังคมโดยรอบไม่พยุงโรงงานอุตสาหกรรม โรงงานก็ไม่สามารถอยู่ได้
จากการตรวจสอบการดำเนินกิจการต่างๆ ที่ผ่านมา พบว่า พื้นที่แหลมฉบัง อ่าวอุดม โรงกลั่นน้ำมันบริษัท ไทยออยล์ จำกัด เป็นโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชน มีชุมชนล้อมรอบค่อนข้างหนาแน่น ซึ่งคิดว่าอาจมีผลกระทบต่อชุมชนเป็นครั้งคราว เมื่อตรวจสอบพบว่า บริษัทมีโครงการความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคมโดยรอบ และสร้างให้ชุมชนมีความไว้วางใจ มีความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เปิดโอกาสให้ชุมชนเยี่ยมชมโรงงานและให้ข้อติชม เน้นการพูดคุยกับชุมชน ตั้งศูนย์สุขภาพชุมชน เมื่อเกิดปัญหาระบบผิดปกติในบางครั้ง เช่น มีกลิ่นเหม็น ขอให้ชุมชนแจ้งไปยังศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและกำหนดให้โรงกลั่นแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด
นายสนธิ กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบพบว่าตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีเรื่องร้องเรียนมายังหน่วยราชการเลย นอกจากนี้บริษัทที่ทำ CSR ได้ผลอย่างดีมากอีกแห่ง ก็คือ เขตประกอบการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) อำเภอศรีราชา ชลบุรี เป็นเขตประกอบการที่มีโรงงานประมาณ 180 แห่งตั้งอยู่ มีชุมชนล้อมรอบหนาแน่น
บริษัทเน้นการสร้างโรงงานในสวน เน้นพื้นที่สีเขียว ดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน เน้นการพูดคุย และการมีส่วนร่วมของชุมชน ลดมลพิษให้น้อยที่สุด พบว่าประชาชนร้อยละ98 โดยรอบมั่นใจในการดำเนินกิจการของบริษัท และยอมรับว่า บริษัทสหพัฒนาคือส่วนหนึ่งของสังคม
อนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา จึงขอเชิญชวนให้โรงงานอุตสาหกรรมหันมาทำกิจกรรม CSR เพื่อให้โรงงานเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และเป็นที่ไว้วางใจของชุมชนตลอดจนร่วมพัฒนาชุมชนโดยรอบต่อไป
