กรุงเทพธนาคม ยันซูเปอร์สกายวอล์กไม่เข้าข่าย 34 โครงการ ที่ต้องศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และไม่ปิดกั้นการระบายอากาศ แถมไม่ทำให้เกิดมลพิษทางสายตา ย้ำชัด กทม.ไม่มีความเสี่ยง
นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) กล่าวกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ทำหนังสือเปิดผนึกแจงเหตุผล 10 ข้อ ที่คนกรุงเทพฯไม่เอาซูเปอร์สกายวอล์ก ว่า ตามเหตุผลทั้ง 10 ที่ นายศรีสุวรรณ กล่าวอ้างนั้น กรุงเทพมหานคร และเคที ได้ชี้แจงไว้อย่างชัดเจนแล้ว และก็ข้อกล่าวอ้างขาดข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้เคทีได้ให้ฝ่ายกฎหมายทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงถึงสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนแล้วเพื่อทำความเข้าใจถึงโครงการซุปเปอร์สกายวอล์ก
นายอมร กล่าวอีกว่า การดำเนินโครงการซูเปอร์สกายวอล์กได้ทำการศึกษาโครงการไว้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เศรษฐกิจของประชาชนเป็นต้นโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับเป็นเป้าหมายสำหรับด้านสิ่งแวดล้อมที่โครงการนี้ไม่ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA เนื่องจากว่าไม่เข้าข่าย 34 โครงการตามที่กฎหมายสิ่งแวดล้อมกำหนดไว้ให้ทำ EIA ส่วนเรื่องสกายวอล์กจะไปปิดกั้นการระบายอากาศนั้น น่าจะเป็นเป็นการเข้าใจผิดว่าสกายวอล์กเป็นเส้นทางที่มีความกว้างเฉลี่ย 4 เมตรกว่า และสูงกว่า 5 เมตร อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวกนอกจากนี้บนพื้นที่สกายวอล์กยังทำสวนลอยฟ้าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับ กทม.อีกด้วย
ส่วนด้านความปลอดภัยนั้น ตลอดแนวเส้นทางสกายวอล์กมีความสูง 5.5 เมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการก่อสร้างในขณะที่รถดับเพลิงมีความสูงเพียง 5 เมตรเท่านั้นอีกทั้งยังได้ติดตั้งกล้อง CCTV และเพิ่มไฟส่องสว่างทั้งบนทางเดินเท้าและบนสกายวอล์ก ซึ่งไฟส่องสว่างบนทางเดินเท้านั้นจะติดตั้งไว้บนสกายวอล์กส่องลงไปจึงไม่มีเสาไฟฟ้า และสายไฟฟ้า ตลอดจนสายสาธารณูปโภคต่างๆยังได้นำเก็บรวมไว้ในท่อใต้สกายวอล์ก ดังนั้นตลอดแนวเส้นทางจะไม่มีเส้นสปาเกตตี้ลอยฟ้าให้ได้เห็นอีกแล้ว
นายอมร กล่าวต่อว่า การหาสถาบันสนับสนุนการลงทุนของบริษัท กทม.ไม่ต้องค้ำประกันใดๆทั้งสิ้น เพราะสถาบันการเงินจะพิจารณาสัญญาเงินกู้จากสัญญาจ้างงานของบริษัท ดังนั้น บริษัทจึงเป็นผู้รับภาระความเสี่ยงทางการเงินเอง ไม่ใช่ กทม.ที่สำคัญ เคที เป็นหน่วยงานหนึ่งของ กทม.ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องพัสดุ พ.ศ.2552 ผู้ว่าฯกทม.เป็นผู้ถือหุ้นส่วน 99.98% ผลประกอบการจึงกลับคืนสู่ กทม.เกือบทั้งหมดเปรียบเสมือนกับกทม.ลงทุนซื้อวัสดุก่อสร้างและจ่ายค่าแรงงานเท่านั้น
นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) กล่าวกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ทำหนังสือเปิดผนึกแจงเหตุผล 10 ข้อ ที่คนกรุงเทพฯไม่เอาซูเปอร์สกายวอล์ก ว่า ตามเหตุผลทั้ง 10 ที่ นายศรีสุวรรณ กล่าวอ้างนั้น กรุงเทพมหานคร และเคที ได้ชี้แจงไว้อย่างชัดเจนแล้ว และก็ข้อกล่าวอ้างขาดข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้เคทีได้ให้ฝ่ายกฎหมายทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงถึงสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนแล้วเพื่อทำความเข้าใจถึงโครงการซุปเปอร์สกายวอล์ก
นายอมร กล่าวอีกว่า การดำเนินโครงการซูเปอร์สกายวอล์กได้ทำการศึกษาโครงการไว้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เศรษฐกิจของประชาชนเป็นต้นโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับเป็นเป้าหมายสำหรับด้านสิ่งแวดล้อมที่โครงการนี้ไม่ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA เนื่องจากว่าไม่เข้าข่าย 34 โครงการตามที่กฎหมายสิ่งแวดล้อมกำหนดไว้ให้ทำ EIA ส่วนเรื่องสกายวอล์กจะไปปิดกั้นการระบายอากาศนั้น น่าจะเป็นเป็นการเข้าใจผิดว่าสกายวอล์กเป็นเส้นทางที่มีความกว้างเฉลี่ย 4 เมตรกว่า และสูงกว่า 5 เมตร อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวกนอกจากนี้บนพื้นที่สกายวอล์กยังทำสวนลอยฟ้าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับ กทม.อีกด้วย
ส่วนด้านความปลอดภัยนั้น ตลอดแนวเส้นทางสกายวอล์กมีความสูง 5.5 เมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการก่อสร้างในขณะที่รถดับเพลิงมีความสูงเพียง 5 เมตรเท่านั้นอีกทั้งยังได้ติดตั้งกล้อง CCTV และเพิ่มไฟส่องสว่างทั้งบนทางเดินเท้าและบนสกายวอล์ก ซึ่งไฟส่องสว่างบนทางเดินเท้านั้นจะติดตั้งไว้บนสกายวอล์กส่องลงไปจึงไม่มีเสาไฟฟ้า และสายไฟฟ้า ตลอดจนสายสาธารณูปโภคต่างๆยังได้นำเก็บรวมไว้ในท่อใต้สกายวอล์ก ดังนั้นตลอดแนวเส้นทางจะไม่มีเส้นสปาเกตตี้ลอยฟ้าให้ได้เห็นอีกแล้ว
นายอมร กล่าวต่อว่า การหาสถาบันสนับสนุนการลงทุนของบริษัท กทม.ไม่ต้องค้ำประกันใดๆทั้งสิ้น เพราะสถาบันการเงินจะพิจารณาสัญญาเงินกู้จากสัญญาจ้างงานของบริษัท ดังนั้น บริษัทจึงเป็นผู้รับภาระความเสี่ยงทางการเงินเอง ไม่ใช่ กทม.ที่สำคัญ เคที เป็นหน่วยงานหนึ่งของ กทม.ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องพัสดุ พ.ศ.2552 ผู้ว่าฯกทม.เป็นผู้ถือหุ้นส่วน 99.98% ผลประกอบการจึงกลับคืนสู่ กทม.เกือบทั้งหมดเปรียบเสมือนกับกทม.ลงทุนซื้อวัสดุก่อสร้างและจ่ายค่าแรงงานเท่านั้น