“หมอประกิต” กล่าวถึงกรณี ฟิลลิป มอร์ริส เผยสนับสนุนสุดตัวให้รัฐบาลเก็บภาษีบุหรี่ตามปริมาณ เพื่ออุดช่องโหว่ไม่ให้บริษัทบุหรี่สำแดงราคาเท็จ
จากกรณีที่ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องคำวินิจฉัยขององค์การการค้าโลกในเรื่องบุหรี่นำเข้า มีใจความว่า ข้อสงสัยต่อ ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด สาขาประเทศไทย (PMTL) ในกรณีการประเมินราคาศุลกากรของบุหรี่ที่นำเข้าของบริษัท ได้ถูกหยิบยกเป็นหนึ่งในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ บริษัทขอย้ำว่า คณะกรรมการไต่สวนข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (WTO) มีคำวินิจฉัยล่าสุด ว่า หน่วยงานศุลกากรของไทยไม่มีเหตุผลใดในการปฏิเสธราคาสำแดงของบริษัท เพราะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายประเทศไทย และหลักเกณฑ์ด้านการประเมินราคาศุลกากรที่เกี่ยวข้องขององค์การการค้าโลก อย่างถูกต้องเสมอมา ซึ่ง นางแทมมี่ แชน ผู้จัดการทั่วไป ฟิลลิป มอร์ริส สาขาประเทศไทย ยืนยันว่า บริษัทจะยึดคำวินิจฉัยล่าสุดขององค์การการค้าโลก เป็นจุดยืนนั้น
วันนี้ (9 มี.ค.) ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบ กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า จริงๆ แล้วการเกิดขึ้นของบริษัท ฟิลลิป มอริส สะท้อนให้เห็นว่า การเก็บภาษีในปัจจุบันที่เก็บตามราคาหน้าโรงงานนั้น เป็นการเปิดช่องทางให้บริษัทบุหรี่จากต่างประเทศทุจริตและสำแดงราคาอันเป็นเท็จมากขึ้น ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะขึ้นภาษีบุหรี่ ควรจะปรับภาษีตามปริมาณ เช่น ให้คิดตามจำนวนมวน เช่น 20 มวน ก็ 20 บาท ไม่ว่านำเข้าหรือผลิตในประเทศ จากนั้นบวกภาษีหน้าโรงงานอีกที ซึ่งขณะนี้หลายประเทศไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป หรือ อียู ก็ล้วนแต่คิดภาษีบุหรี่ลักษณะนี้ทั้งสิ้น ซึ่งหากทำได้จะช่วยอุดช่องโหว่ตรงนี้ได้ โรงงานยาสูบในไทยก็จะได้ไม่เสียเปรียบต่างชาติด้วย ทั้งนี้ คาดว่า หากมีการปรับภาษีให้เป็นไปในรูปแบบดังกล่าว จะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากการเก็บภาษีร่วมหมื่นล้าน