สคล.ชี้ชัดแนวคิดปรับระบบภาษีตามดีกรีของรัฐบาลมาร์ค เปิดช่องทางให้ บ.เหล้าต่างชาติ มีกำไรเพิ่ม สังคมไทยเละ ชี้สวนทางกับแผน “ลดนักดื่มหน้าใหม่”ของ สคล.strong>
จากกรณีที่ นพ.บัณฑิต ศรไพศาล นักวิจัยอาวุโส ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ได้มีข้อทักท้วงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลัง สนับสนุนให้มีการปรับเปลี่ยนระบบภาษีสรรพสามิตสุราไทยในปัจจุบัน ที่เรียกว่า ระบบสองเลือกหนึ่ง ไปเป็นระบบภาษีตามดีกรี ว่า เป็นการส่งเสริมให้มีเยาวชนนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้นนั้น
วันนี้ (7 มี.ค.) นายสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า จริงๆ แล้วรัฐบาลควรรับรู้ว่าสถานการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทยในปัจจุบันนี้ชอบการบริโภคสุราจากต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากติดกับค่านิยมการบริโภคสินค้านำเข้า ที่ถึงแม้จะมีความเข้มข้นน้อย แต่ก็มีปริมาณนำเข้าในปริมาณมากและมีหลากหลายยี่ห้อ โดยส่วนตัวจึงเห็นด้วยกับ นพ.บัณฑิต ที่คัดค้านแนวคิดของนายกฯและกระทรวงการคลัง เนื่องจากเห็นว่ามีข้อเสียหลายอย่าง เช่น 1.เพิ่มจำนวนนักดื่มหน้าใหม่ที่สวนทางกับการณรงค์งดเหล้าและลดจำนวนนักดื่มหน้าใหม่ที่ สคล.และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องพยายามดำเนินการมาโดยตลอด 2.อัตราการเก็บภาษีน้อยลงเป็นการเปิดช่องทางให้บริษัทผู้ผลิตและนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีกำไรมหาศาล และสามารถผลิตแอลกอฮอล์ความเข้มข้นน้อยออกจำหน่ายในปริมาณมากขึ้นและราคาถูกลง 3.เงินก็จะไหลออกนอกประเทศมากขึ้น เพราะคนไทยมีกำลังการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากต่างประเทศ
นายสงกรานต์ กล่าวด้วยว่า จริงๆแล้วกระทรวงการคลังควรที่จะใช้รูปแบบการเก็บภาษีระบบภาษีสรรพสามิตปัจจุบัน (ระบบภาษีแบบสองเลือกหนึ่ง) มากกว่าการปรับไปเป็นระบบภาษีแบบตามดีกรี หรือไม่ก็ลองพิจารณาควบคู่กันคือ ทั้งคิดอัตราการเก็บภาษีแบบตามดีกรีและการคิดตามราคา จากนั้นเอามารวมกันแล้วค่อยๆ แก้ไขไปว่าควรที่จะเก็บ
จากกรณีที่ นพ.บัณฑิต ศรไพศาล นักวิจัยอาวุโส ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ได้มีข้อทักท้วงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลัง สนับสนุนให้มีการปรับเปลี่ยนระบบภาษีสรรพสามิตสุราไทยในปัจจุบัน ที่เรียกว่า ระบบสองเลือกหนึ่ง ไปเป็นระบบภาษีตามดีกรี ว่า เป็นการส่งเสริมให้มีเยาวชนนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้นนั้น
วันนี้ (7 มี.ค.) นายสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า จริงๆ แล้วรัฐบาลควรรับรู้ว่าสถานการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทยในปัจจุบันนี้ชอบการบริโภคสุราจากต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากติดกับค่านิยมการบริโภคสินค้านำเข้า ที่ถึงแม้จะมีความเข้มข้นน้อย แต่ก็มีปริมาณนำเข้าในปริมาณมากและมีหลากหลายยี่ห้อ โดยส่วนตัวจึงเห็นด้วยกับ นพ.บัณฑิต ที่คัดค้านแนวคิดของนายกฯและกระทรวงการคลัง เนื่องจากเห็นว่ามีข้อเสียหลายอย่าง เช่น 1.เพิ่มจำนวนนักดื่มหน้าใหม่ที่สวนทางกับการณรงค์งดเหล้าและลดจำนวนนักดื่มหน้าใหม่ที่ สคล.และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องพยายามดำเนินการมาโดยตลอด 2.อัตราการเก็บภาษีน้อยลงเป็นการเปิดช่องทางให้บริษัทผู้ผลิตและนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีกำไรมหาศาล และสามารถผลิตแอลกอฮอล์ความเข้มข้นน้อยออกจำหน่ายในปริมาณมากขึ้นและราคาถูกลง 3.เงินก็จะไหลออกนอกประเทศมากขึ้น เพราะคนไทยมีกำลังการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากต่างประเทศ
นายสงกรานต์ กล่าวด้วยว่า จริงๆแล้วกระทรวงการคลังควรที่จะใช้รูปแบบการเก็บภาษีระบบภาษีสรรพสามิตปัจจุบัน (ระบบภาษีแบบสองเลือกหนึ่ง) มากกว่าการปรับไปเป็นระบบภาษีแบบตามดีกรี หรือไม่ก็ลองพิจารณาควบคู่กันคือ ทั้งคิดอัตราการเก็บภาษีแบบตามดีกรีและการคิดตามราคา จากนั้นเอามารวมกันแล้วค่อยๆ แก้ไขไปว่าควรที่จะเก็บ