“จุรินทร์” มอบนโยบายมุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการด้านการรักษา และสอบเทียบเครื่องมือแพทย์ให้ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้รับบริการ
วันนี้ (23 ก.พ.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมชมบริษัท ซี วี พี เมดิคอล เทคโนโลยี จำกัด เลขที่ 55 หมู่ที่ 6 ถนนเทศบาล 3 ตำบล บางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือและจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ รายการน้ำยาไตเทียม ได้มาตรฐานการผลิตตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตเครื่องมือแพทย์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งสอดคล้องกับระบบการบริหารงานคุณภาพสำหรับเครื่องมือแพทย์ตามมาตรฐานสากล
นายจุรินทร์ เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายที่จะมุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการด้านรักษาพยาบาล ในระดับโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป จำนวนกว่า 1,000 แห่ง สิ่งสำคัญก็คือ เครื่องมือแพทย์ซึ่งใช้ประจำอยู่ในโรงพยาบาลทุกระดับจะต้องเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐานคุณภาพ ซึ่งจะต้องใช้งานได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน คือ หนึ่ง มีความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัยรักษา สอง คือ จะต้องมีมาตรฐานในเรื่องของความพร้อมในการใช้งาน สาม คือ มีความปลอดภัยทั้งสำหรับผู้ปฏิบัติงานและผู้ป่วย หรือผู้ซึ่งต้องไปรับบริการ การใช้เครื่องมือแพทย์ในสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จึงเป็นที่มาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยกองวิศวกรรมการแพทย์ ได้เริ่มนโยบายในการที่จะเข้าไปสอบเทียบเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ 3 ข้อที่กล่าวข้างต้น โดยจะเริ่มต้นที่เครื่องมือแพทย์ 3 รายการ ประกอบด้วย เครื่องให้สารดมสลบ เครื่องช่วยหายใจ และเครื่องเอกซเรย์ ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้ จะต้องเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน เพราะถ้าไม่ได้มาตรฐาน ก็จะมีผลกระทบกับผู้ป่วย เช่น เครื่องให้สารดมสลบ ถ้าเครื่องให้สารมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ก็จะมีผลกระทบต่อผู้ป่วย หรือกรณีเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งจะต้องให้ออกซิเจน ถ้าสมมติว่า มากไปหรือน้อยไปก็จะมีผลกระทบกับผู้ป่วยได้ อาจจะส่งผลให้เสียชีวิตได้เหมือนกัน หรือเครื่องเอกซเรย์ ก็จะมีในเรื่องของรังสีเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานก็จะกระทบทั้งผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ เพราะฉะนั้นเครื่องมือแพทย์ 3 รายการนี้ ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีการสอบเทียบ ซึ่งขณะนี้ได้มีการดำเนินการไปแล้วระยะหนึ่ง โดยเครื่องมือแพทย์ที่จะต้องมีการสอบเทียบ มีทั้งหมด 6,054 เครื่อง
สำหรับที่อยู่ในโรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ผลการตรวจสอบขณะนี้ ตรวจสอบไปแล้วประมาณ 75% พบว่า มีการชำรุดที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข โดยเครื่องช่วยหายใจที่ตรวจสอบไปแล้วมี 4,638 เครื่อง ต้องแก้ไข 81 เครื่อง เครื่องให้สารดมสลบ (ยาสลบ) 674 เครื่อง ต้องแก้ไข 21 เครื่อง เครื่องเอกซเรย์ 712 เครื่อง ต้องแก้ไข 30 เครื่อง รวมแล้วทั้งสิ้นตรวจสอบไป 6,054 เครื่อง ต้องแก้ไข 132 เครื่อง ซึ่งเครื่องมีที่ต้องแก้ไข หลังจากสอบเทียบแล้วจะมีการปรับแต่งต่อไป
วันนี้ (23 ก.พ.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมชมบริษัท ซี วี พี เมดิคอล เทคโนโลยี จำกัด เลขที่ 55 หมู่ที่ 6 ถนนเทศบาล 3 ตำบล บางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือและจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ รายการน้ำยาไตเทียม ได้มาตรฐานการผลิตตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตเครื่องมือแพทย์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งสอดคล้องกับระบบการบริหารงานคุณภาพสำหรับเครื่องมือแพทย์ตามมาตรฐานสากล
นายจุรินทร์ เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายที่จะมุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการด้านรักษาพยาบาล ในระดับโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป จำนวนกว่า 1,000 แห่ง สิ่งสำคัญก็คือ เครื่องมือแพทย์ซึ่งใช้ประจำอยู่ในโรงพยาบาลทุกระดับจะต้องเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐานคุณภาพ ซึ่งจะต้องใช้งานได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน คือ หนึ่ง มีความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัยรักษา สอง คือ จะต้องมีมาตรฐานในเรื่องของความพร้อมในการใช้งาน สาม คือ มีความปลอดภัยทั้งสำหรับผู้ปฏิบัติงานและผู้ป่วย หรือผู้ซึ่งต้องไปรับบริการ การใช้เครื่องมือแพทย์ในสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จึงเป็นที่มาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยกองวิศวกรรมการแพทย์ ได้เริ่มนโยบายในการที่จะเข้าไปสอบเทียบเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ 3 ข้อที่กล่าวข้างต้น โดยจะเริ่มต้นที่เครื่องมือแพทย์ 3 รายการ ประกอบด้วย เครื่องให้สารดมสลบ เครื่องช่วยหายใจ และเครื่องเอกซเรย์ ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้ จะต้องเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน เพราะถ้าไม่ได้มาตรฐาน ก็จะมีผลกระทบกับผู้ป่วย เช่น เครื่องให้สารดมสลบ ถ้าเครื่องให้สารมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ก็จะมีผลกระทบต่อผู้ป่วย หรือกรณีเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งจะต้องให้ออกซิเจน ถ้าสมมติว่า มากไปหรือน้อยไปก็จะมีผลกระทบกับผู้ป่วยได้ อาจจะส่งผลให้เสียชีวิตได้เหมือนกัน หรือเครื่องเอกซเรย์ ก็จะมีในเรื่องของรังสีเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานก็จะกระทบทั้งผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ เพราะฉะนั้นเครื่องมือแพทย์ 3 รายการนี้ ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีการสอบเทียบ ซึ่งขณะนี้ได้มีการดำเนินการไปแล้วระยะหนึ่ง โดยเครื่องมือแพทย์ที่จะต้องมีการสอบเทียบ มีทั้งหมด 6,054 เครื่อง
สำหรับที่อยู่ในโรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ผลการตรวจสอบขณะนี้ ตรวจสอบไปแล้วประมาณ 75% พบว่า มีการชำรุดที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข โดยเครื่องช่วยหายใจที่ตรวจสอบไปแล้วมี 4,638 เครื่อง ต้องแก้ไข 81 เครื่อง เครื่องให้สารดมสลบ (ยาสลบ) 674 เครื่อง ต้องแก้ไข 21 เครื่อง เครื่องเอกซเรย์ 712 เครื่อง ต้องแก้ไข 30 เครื่อง รวมแล้วทั้งสิ้นตรวจสอบไป 6,054 เครื่อง ต้องแก้ไข 132 เครื่อง ซึ่งเครื่องมีที่ต้องแก้ไข หลังจากสอบเทียบแล้วจะมีการปรับแต่งต่อไป
