เปิดใจ 3 อดีตผู้บริหารรามฯ ไร้เงา “คิม” เหตุป่วยเข้า รพ.กะทันหัน ขณะที่ “เฉลิมพล” ติดภารกิจ ปล่อย “รังสรรค์” โซโลเดี่ยว อัดยับ ป.ป.ช.ซัดมติทำเจ็บปวด เกียรติยศ ชื่อเสียงหาย วอนย้อนกลับไปดูข้อมูล หลักฐานอีกครั้ง ท้าดีเบต เอาความจริงมาพูด ยันต่ออายุราชการ เพื่อเป็นอาจารย์ข้าราชการทำหน้าที่สอน ไม่ใช่อธิการบดี พร้อมเตรียมอุทธรณ์เร็วๆ นี้
วันนี้ (17 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ที่อาคารสุโขทัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง (มร.) สภาคณาจารย์ สมาคมศิษย์เก่า ได้ร่วมกันจัดงานแถลงเปิดใจ รศ.รังสรรค์ แสงสุข อดีตอธิการบดี มร., รศ.คิม ไชยแสนสุข อดีตอธิการบดี มร. และ รศ.เฉลิมพล ศรีหงษ์ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย กรณีถูกสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไล่ออกจากราชการ เนื่องด้วยมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด โดยมีประชาคมรามคำแหง ประมาณ 2,000 คน เข้าร่วมฟัง ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการแถลง เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่า ในการแถลงวันนี้จะมีเพียง รศ.รังสรรค์ เพียงคนเดียวเนื่องจาก รศ.คิม ป่วย และต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกะทันหัน ส่วน รศ.เฉลิมพล นั้น ติดภารกิจ จึงไม่สามารถเข้าร่วมงานได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ รศ.รังสรรค์ เดินเข้ามายังบริเวณห้องประชุมได้ชู 2 นิ้ว ท่ามกลางเสียงปรบมือลั่นห้องประชุม ซึ่ง รศ.รังสรรค์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนนั้น เป็นเรื่องที่เจ็บปวด และพูดยาก ซึ่งเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นเสมอในช่วงที่ มร.มีเหตุการณ์สำคัญ อย่างในช่วงนี้ก็ใกล้วันพระราชทานปริญญาบัตร ก็มีเรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้เกิดขึ้น คนที่ทำหาเวลาได้อย่างเหมาะสมแทบทุกครั้ง เรื่องที่ไม่เคยเกิดก็เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมามีข่าวลือสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะตนแทงข้างหลัง อ.คิม เพื่อต้องการให้ภรรยาลงชิงตำแหน่งอธิการ จึงอยากถามว่าตนจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร ทั้งนี้ ในส่วนกรณีที่มีคนจากทาง ป.ป.ช.ออกมาตอบโต้ ให้ข่าวผ่านสื่ออยู่ทุกวันนี้นั้น ตนอยากให้หยุดพูดได้แล้ว เพราะทุกคนเจ็บปวด กับฝีมือที่ ป.ป.ช.ได้ทำลงไป คนที่น่าสงสารที่สุด คือ อ.คิม และ อ.เฉลิมพล เพราะเป็นคนซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งคนที่ทำใจร้ายมาก ถ้าอยากจะทำก็ให้มาทำที่ตนคนเดียว
รศ.รังสรรค์ กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้บอกว่า ป.ป.ช. ต้องทำเรื่องผิดให้เป็นถูก แต่ไม่ตรงสำนวนข้อเท็จจริง ตนขอบอกเลยว่าคนใน ป.ป.ช.ก็ถูกร้องว่าปลอมอายุราชการ แต่ถ้าเป็นส่วนของ ป.ป.ช. เองไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะอำนาจล้นฟ้า ซึ่งคนที่อยู่เบื้องหลังมติ ป.ป.ช.นั้น อย่านึกว่าตนไม่รู้ แต่ตนก็ไม่ต้องการให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.กลับมติดังกล่าว แต่ขอให้กลับไปอ่านรายงาน แล้วพิจารณาเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนยังไม่ได้เห็นสำนวนจาก ป.ป.ช.ครบถ้วน
ซึ่งหากได้สำนวนมาแล้วจะได้เรียบเรียงเพื่ออุทธรณ์ต่อไป แต่ในเบื้องต้นตนได้เรียบเรียงไว้บ้างแล้ว เพราะรู้ว่าข้อเท็จจริงที่ทำคืออะไร อย่างไรก็ตามตนอยากให้ ป.ป.ช.มาออกเวทีสาธารณะร่วมกัน เอาข้อมูล หลักฐานทุกอย่างมากเปิดเผยให้ ประชาชน และลูกศิษย์ของตนทั้งประเทศได้รับรู้ รับทราบข้อเท็จจริง ซึ่งหากต้องการเช่นนั้นตนพร้อมทุกเมื่อ
รศ.รังสรรค์ กล่าวอีกว่า อย่างคดีก่อสร้างอาคารอยากให้ ป.ป.ช.กลับไปอ่านสำนวนใหม่ ตนไม่ได้ให้พลิกสำนวน แต่อยากให้อ่านซ้ำอีกครั้ง ทั้งนี้ ตามเอกสารหลักฐานในเมื่อสำนักงบประมาณที่เป็นเจ้าของเงินสั่งให้ดำเนินการได้ หากตนไม่ดำเนินการก็ผิด เมื่อตนเซ็นก็ผิด แล้วตนต้องรับผิดชอบอย่างไร ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีผู้เสียหายจากเรื่องนี้มาร้องเรียนเลย ส่วนการต่ออายุราชการนั้น ขณะที่การต่ออายุราชการ เป็นไปตามกฎระเบียบของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2547 ซึ่งตอนนั้นตนอายุ 59 ปี เป็นอธิการบดี มร.อยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับการต่ออายุราชการ และเหตุผลที่ตนขยายอายุราชการ เพราะมีมาตราข้อหนึ่ง ให้ขยายอายุราชการไปได้จนถึง 65 ปี และต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน โดยการต่ออายุราชการดังกล่าว เพื่อการสอน และทำวิจัย และที่ตนต่อก็เพื่อเป็นอาจารย์ข้าราชการทำหน้าที่สอน ไม่ใช่เป็นอธิการบดี
“ตอนนี้ผมไม่กล้าเดินไปไหน เพราะจะมีแต่คนที่รู้จักเข้ามาทัก แต่สิ่งที่ผมได้รับกลายเป็นว่าพฤติกรรมของผมนั้นเป็นสิ่งที่ร้ายแรง เกียรติยศที่เคยสร้างมาทุกอย่างไม่มีเหลือเลย เนื่องจากตอนเป็นอธิการ ผมสร้างความดีมาโดยตลอด มาทำงานก่อนเคารพธงชาติ นอนที่รามฯ บางคนมองว่า รามฯ เป็นเหมือนบ้าน แต่สำหรับผมรามฯ คือชีวิต ทั้งนี้ ตนไม่อยากยุ่งเกี่ยวการเมือง แต่ถึงตอนนี้แล้วต้องระวังให้ดี พรรคไหนมาชวนก่อนผมไปแน่ และอยากฝากให้ลูกศิษย์รามฯ ที่อยู่ในรัฐบาลอยากให้กลับมาดูแลรามฯ บ้าง ซึ่งต่อจากนี้ผมก็จะว่าไปตามช่องทางของกฎหมายที่สามารถทำได้ ไม่สนใจว่าจะชนะหรือแพ้ แค่รู้ว่าตัวเองชั่วไม่ชั่ว ก็พอ ทั้งนี้ ก็จะยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ทั้งนี้อยากขอให้ นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ตั้งสติให้ดี และขอให้รู้ว่าผมไม่คิดร้ายกับท่าน และท่านก็คงไม่คิดร้ายกับผม เพียงแต่ท่านอย่าเอาตัวรอด ต้องคุ้มครององค์กรให้ได้ นอกจากนี้ครูอาจารย์ทุกมหาวิทยาลัย ต้องรู้ว่าหากไม่แก้กฎหมาย ป.ป.ช.ก็จะเป็นทาสกันไปจนตาย ไม่มีใครตรวจสอบ ป.ป.ช.ได้ เลย” รศ.รังสรรค์ กล่าว
ศ.เมธี ครองแก้ว กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ที่ประชุมได้มีการนำข้อมูล เอกสารใหม่ ที่กลุ่มเครือข่าย พลังราม ยื่นต่อป.ป.ช.มาพิจารณา แต่ขณะนี้มีผู้ยื่นข้อมูลเพิ่มเติมมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสรุปเอกสารได้ทันที ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงได้ให้เจ้าหน้าที่รวบรวมสรุปข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ งก่อนจะนำเสนอในสัปดาห์หน้า ส่วนกรณีการที่รศ.รังสรรค์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่เคยมีคำสั่ง หรือหนังสือไปถึงอาจารย์ เรื่องนี้คงไม่ถูกต้อง เพราะตั้งแต่ ป.ป.ช.พิจารณาไต่สวน และได้ทำหนังสือคำถูกกล่าวหาไปยัง รศ.รังสรรค์ เพื่อให้เข้ามาชี้แจง ซึ่ง รศ.รังสรรค์ เคยเข้ามาชี้แจง และรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จะบอกว่าไม่รู้เรื่องนี้คงไม่ได้