อย.-บก.ปคบ.จับกุมแหล่งผลิตยาหยอดตาสมุนไพรผิดกฎหมาย ย่านลาดกระบัง อ้างสรรพคุณรักษาโรคตาได้ทุกชนิด ส่งขายตามวัด ร้านขายยาจีนย่านเยาวราช “จุรินทร์” เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาอ้างสรรพคุณเกินจริง เผยผลตรวจยาหยอดตาพบมีฤทธิ์เป็นกรดสูง เป็นอันตรายต่อดวงตา
วันนี้ (25 ม.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และพ.ต.อ.ทนัย อภิชาตเสนีย์ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (รอง ผบก.ปคบ.) ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจจับแหล่งผลิตยาหยอดตาผิดกฎหมาย โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า มีผู้บริโภคให้ข้อมูลต่อ อย.ขอให้ตรวจสอบยาหยอดตาของชมรมร่มเกล้า ซึ่งอวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถรักษาโรคตาได้ทุกชนิด อย.ได้ร่วมกับ บก.ปคบ.ตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 101/105 โซน 1 ถนนร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ผลปรากฏว่า พบยาทั้งหมด 5 รายการ ได้แก่ 1.ยาหยอดตาสมุนไพรชมรมร่มเกล้า ซึ่งเป็นยาแผนโบราณบรรจุขวดพลาสติก อ้างสรรพคุณว่ารักษาโรคตาต้อ ตาลม โรคตาทุกชนิด และมีการส่งไปจำหน่ายตามวัด 2.ยาหยอดตาสมุนไพรชมรมร่มเกล้าบรรจุในขวดแก้ว อ้างสรรพคุณว่า สำหรับหยอดตารักษาโรคตาทุกชนิด ส่งขายที่ร้านขายยาจีนย่านเยาวราช 3.พบยาที่อ้างสรรพคุณว่ารักษาโรคริดสีดวงทวาร เดือยไก่ หงอนไก่ทุกชนิด เป็นมาแล้ว 10-20 ปีก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ 4.ยาดมพิมเสนน้ำ 5.ยาหม่องรุ่นหลวงตาบุญเกิด อ้างสรรพคุณว่าสามารถรักษาแผลสดแผลเน่าเปื่อยได้ รวมของกลางจำนวนมากกว่า 3 หมื่นขวด จำหน่ายขวดละ 60-80 บาท มูลค่า 3 ล้านบาท
รมว.สธ.กล่าวว่า ผู้ประกอบการรายนี้จะถูกดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ได้แก่ 1.ผลิตและขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท 2.ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 3.โฆษณาขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
“สิ่งที่ขอฝากถึงผู้บริโภค คือ อยากให้ใช้ความระมัดระวังและไม่หลงเชื่อการโฆษณา โดยเฉพาะการโฆษณายาหยอดตาที่มีการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงว่า สามารถรักษาโรคทางตาได้ทุกโรค หรือใช้รักษาได้สารพัดโรค เพราะนอกจากเป็นอันตรายอย่างคาดไม่ถึงแล้ว ยังจะเสียโอกาสในการรักษาและทำให้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ด้วย ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ยาขอให้ไปพบแพทย์ หรือสอบถามแพทย์หรือซื้อยาจากเภสัชกรทุกครั้ง” รมว.สธ.กล่าว
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ผลการตรวจสอบยาหยอดตาสมุนไพรชมรมร่มเกล้าสมุนไพร เบื้องต้นพบว่ามีค่าความเป็นกรดสูง โดยชนิดที่บรรจุในขวดพลาสติกที่ขายตามวัดมีค่าความเป็นกรด 5.8 และขวดแก้วที่ขายในร้านขายยาจีนเยาวราช มีค่าความเป็นกรด 5.1 นอกจากนั้นมีตะกอนที่ก้นขวด และมีกลิ่นการบูรด้วย หากนำไปหยอดตาก็เหมือนนำน้ำกรดไปหยอดตา และเชื่อว่าน่าจะมีเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งต้องรอผลการตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันอีกครั้ง
ส่วนความคืบหน้ากรณีน้ำหมักหยอดตาของป้าเช็ง นายจุรินทร์กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดี 2 ข้อหา คือ 1.ผลิตยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 2.คดีฉ้อโกงประชาชน ศาลนัดสืบพยานนัดแรกเดือนกรกฎาคม 2554 อยู่ระหว่างการดำเนินคดี
ด้าน นพ.พิพัฒน์กล่าวว่า สำหรับยาหยอดตาจากกรณีป้าเช็งที่เคยเกิดขึ้น น่าจะทำให้ผู้ใช้ระวังตัวมากขึ้น โดยยาหยอดตาปกติจะมีค่าความกรด-ด่างอยู่ที่ 6-7 ซึ่งถือว่ามีความเป็นกลาง ไม่เป็นกรดหรือเป็นด่าง แต่ยาหยอดตาดังกล่าวมีค่าความเป็นกรดสูง หากนำไปหยอดตาคนที่ประสาทตายังปกติจะรู้สึกแสบร้อน และระคายเคือง เพราะมีตะกอนอยู่ด้วย เมื่อหยอด 2-3 ครั้ง เชื่อว่าจะหยุดใช้เพราะเจ็บปวดทรมาน ขอย้ำเตือนประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อซื้อยาหยอดตาดังกล่าวไปใช้ แต่หากรายใดที่ซื้อไปแล้วก็อย่านำไปใช้เด็ดขาด