อ.ก.ค.ศ.อาชีวะ สั่งลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น “ธีรพัฒน์” ฐานขาดราชการ เจ้าตัวว้าก!!! โดนดิสเครดิต กลั่นแกล้ง หลังต่อสู่เพื่อประโยชน์บ้านเมือง รออุธรณ์คำสั่งต่อ ก.ค.ศ.ใน 30 วัน พร้อมสั่งทนายยื่นฟ้องอาญา “ผอ.วอศ.เสาวภา - คกก.สอบสวนฯ ยกชุด” พ่วงฟ้องแพ่งเหตุทำเสียชื่อเสียง
วานนี้ (19 ม.ค.) นายธีรพัฒน์ คำคูบอน รองประธานสมาพันธ์เครือข่ายอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) อาชีวศึกษา ที่มี น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เป็นประธาน ได้ให้คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ที่แต่งตั้งโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในการพิจารณาลงโทษตนจากสาเหตุที่มีการตั้งประเด็นขาดราชการ 82 วัน โดยนับย้อนหลังรวม 4 ปี ที่ให้ออกจากราชการ กลับมาทบทวนอีกครั้ง ซึ่งหลังจากคณะกรรมการสอบสวน ได้ส่งเรื่องการสรุปโทษเข้าสู่การพิจาณาของ อ.ก.ค.ศ.อาชีวะ อีกครั้งเมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) นั้น ผลปรากฏว่า ตนได้รับโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการดิสเครดิต และทำร้ายผู้นำครู ที่แสดงออกในทางที่ไม่เห็นด้วยกับผู้มีอำนาจ และช่วยรักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง แต่กลับโดนอำนาจกลั่นแกล้งโดยไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นมติ อ.ก.ค.ศ.อาชีวะ แล้ว ประธาน อ.ก.ค.ศ.อาชีวะ ก็จะได้ลงนามคำสั่งดังกล่าว เพื่อเสนอสู่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่มี นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธาน เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งตนก็จะได้ทำเรื่องอุธรณ์คำสั่งดังกล่าวภายใน 30 วัน หลังจากได้รับคำสั่ง ซึ่งขณะนี้คำสั่งยังไม่ออกมา
นายธีรพัฒน์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ตนได้มอบหมายให้ทนายไปยื่นฟ้องศาลอาญา แก่ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา และคณะกรรมการสอบสวน ทั้งนี้ เมื่อผลการพิจารณาจากศาลออกมาอย่างไร ก็จะดำเนินการเรียกร้องทางแพ่งต่อไป เนื่องจากทำให้ตนเสียชื่อเสียง ส่วนกรณีการฟ้องร้องผู้มีอำนาจนั้นก็จะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งต้องรอคำสั่งจากมติ อ.ก.ค.ศ.อาชีวะ ก่อน เมื่อได้คำสั่งมาแล้วจะให้ทีมกฎหมายวิเคราะห์อีกครั้งก่อนจะยื่นฟ้องอีกครั้ง
“การลงโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ไม่ใช่ประเด็นที่ผมออกมาเรียกร้อง แต่เป็นการออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของครูที่ออกมารักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ในฐานะผู้แทนครูคนหนึ่งเท่านั้น มิฉะนั้น ต่อไปก็จะไม่มีใครกล้าออกมาเรียกร้องเช่นนี้อีก อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงเพื่อนครู และ ผู้นำครู ที่จะออกมาปกป้องผลประโยชน์ทางราชการ ก็มักจะเจอวงจรอุบาทว์ เหมือนที่ผมได้รับ ซึ่งไม่เป็นการยุติธรรมในการแสดงออกด้วยความมาสุจริตใจ ที่ไม่ได้มีอคติ หรือผลประโยชน์อื่นใด” นายธีรพัฒน์ กล่าว