xs
xsm
sm
md
lg

“ชวน” เตือน ขรก.อย่าเกรงใจนักการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ชวน” เตือนข้าราชการต้องไม่เดินทางลัด เกรงใจนักการเมือง พร้อมแนะ ผอ.เขต ลงชุมชนอาศัยความร่วมมือจากคนในพื้นที่ รวมทั้งผู้ประกอบการทำ กทม.เป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน เผย ไม่เห็นด้วยห้ามเด็ก 18 ออกจากบ้านหลัง 4 ทุ่ม ชี้จำกัดสิทธิเสรีภาพคุมคนส่วนน้อยกระทบส่วนใหญ่ แต่ควรเข้มกฎหมายที่มีอยู่ทั้งหอพัก สถานบันเทิง

วันนี้ (18 ม.ค.) ที่โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้มาเป็นวิทยากรบรรยายในหลักสูตรผู้นำมหานคร โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผู้อำนวยการสำนัก ผู้ตรวจราชการ 10 ผู้อำนวยการเขต ร่วมฟังการบรรยาย

นายชวน กล่าวว่า นักบริหารซึ่งเป็นข้าราชการนั้น จะต้องเติบโตโดยใช้บันได ไม่ใช้ทางลัด เพื่อจะได้ประโยชน์จากการสั่งสมประสบการณ์การทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่สอนกันไม่ได้ สามารถเปรียบได้กับการเป็นนักกฎหมายที่ไม่สามารถทำงานได้ด้วยการท่องจำ เพราะจะไม่มีความรู้ความเข้าใจในการใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยคดี และเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ขอให้ข้าราชการทำงานด้วยหลักการที่มีอยู่ อย่าทำงานด้วยความเกรงใจ เพราะนักการเมืองนั้นอยู่เพียง 4 ปีก็หมดอำนาจไป ดังกรณีของการแต่งตั้งโยกย้ายในกรมสรรพากร ที่ปลัดกระทรวงเกรงใจนักการเมืองในการโยกย้ายแต่งตั้งที่อธิบดี ซึ่งเป็นที่นักการเมืองวางคนของตัวเองเพื่อมาอนุมัติการจัดเก็บภาษี ที่สุดท้ายเมื่อมีการร้องเรียนและตรวจสอบกระบวนการโยกย้ายที่ไม่ถูกต้อง ข้าราชการที่เป็นถึงระดับปลัดกระทรวงถูกตัดสินว่าผิดวินัยร้ายแรง ดังนั้น ข้าราชการต้องทำงานบนหลักการที่ถูกต้อง ไม่เกรงใจในสิ่งที่ไม่ถูก

นายชวน กล่าวต่อว่า ผู้อำนวยการเขต ในฐานะผู้ดูแล กทม.เมืองหลวงที่มีความเจริญมากที่สุดทันสมัยที่สุดนั้น ผอ.เขตจะต้องเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติพิเศษ มีศักยภาพสูงกว่านายอำเภอ เป็นตัวอย่างให้ผู้นำท้องถิ่นอื่นได้ เช่น ด้านความสะอาด ความร่มรื่น ต้องทำให้เห็นความแตกต่างโดยไม่อาศัยป้าย ซึ่งจะทำให้ท้องถิ่นอื่นๆ ทำตามไปโดยปริยาย นอกจากนั้น การทำงานต้องอาศัยความร่วมมือจากชุมชนในการดูแลพื้นที่ ซึ่งเราจะทำได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ เป็นแนวทางที่อยากแนะนำให้ลองเดินดูในพื้นที่ เช่น เดิน 50 จุด ได้ผลสัก 20 จุดก็ยังดี ทั้งนี้ การบริหาร กทม. ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้บริหาร กทม.และนโยบายของแต่ละเขตพื้นที่ที่ ผอ.เขตจะเป็นผู้กำหนดเอง

“แนวคิดเรื่องการทำเมืองน่าอยู่ที่ยั่งยืน ผมคิดว่าเราทำได้ แต่ ผอ.เขตลองไปดูว่าแนวนโยบายเรื่องเมืองน่าอยู่ยั่งยืนเขายึดองค์ประกอบอะไรบ้าง เช่น สิ่งแวดล้อมดี ประชากรมีการศึกษาดี คนมีอาชีพเป็นหลักฐาน การเดินทางสะดวก รวมทั้งองค์ประกอบของนานาชาติ กรุงเทพฯ มีคุณสมบัติที่คนอยากมาเที่ยวที่สุดในโลก ถ้ามีความจำเป็นต้องก่อสร้างอะไรใน กทม.อย่าลืมคำนึงถึงรูปแบบที่เป็นสัญลักษณ์ของกทม.แม้จะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นก็ต้องอนุมัติ มีมติ ครม.บอกไว้ด้วย เมืองน่าอยู่ไม่เฉพาะสวยงามอย่างเดียว แต่ต้องดูเรื่องความสงบเรียบร้อยด้วย ขอเน้นการทำงานของ ผอ.เขต ที่ต้องประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่พื้นที่ เช่น เกษตรอำเภอ ผกก.สน.พื้นที่ ต้องประสานความร่วมมือเพื่อให้เราสามารถดึงศักยภาพของคนเหล่านั้นมาทำให้พื้นที่เขตน่าอยู่” ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น การทำ กทม.ให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่ยั่งยืนนั้น จะต้องมีกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ ปัญหาคือคนไทยไม่มีระเบียบวินัยเพียงพอ เช่น การจอดรถบนทางเท้า ถ้าปล่อยปละละเลยในที่สุด กทม.แก้ปัญหาไม่ได้ คนเดินต้องลงมาเดินบนถนน การแก้ปัญหาที่เรื้อรังมานานอาจจะเหนื่อยแต่ก็ต้องทำ ซึ่งเรื่องระเบียบวินัยเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเหตุผลที่ทำให้สังคมมีความเหลื่อมล้ำ นอกจากรักษากฎเกณฑ์ และทำสิ่งแวดล้อมให้ดีแล้ว การประสานงานกับหน่วยงานภาคเอกชนให้มีบทบาทก็มีความสำคัญ ที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความเรียบร้อยในทุกด้าน เราจะต้องใช้ศักยภาพทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่มากมาใช้ประโยชน์ ซึ่งบางกิจกรรมไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐ

“บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งทางบวกและลบ การทำงานของท้องถิ่น กระจายรายได้ กระจายโอกาส กระจายอำนาจ ท้องถิ่นมีการยกระดับพัฒนาขึ้นรวดเร็วมาก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางบวก แต่ทางลบก็มีการทุจริตมากขึ้นเช่นกัน การซื้อเสียงระดับท้องถิ่นแรงขึ้น ถ้าเชื่อเรื่องกระจายอำนาจต้องอย่ายอมแพ้การซื้อเสียง”

นายชวน ยังกล่าวถึงกรณีการห้ามเด็ก 18 ออกนอกบ้าน 4 ทุ่มว่า โดยส่วนตัวตนไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ เด็กจะออกมาดูดาวก็อย่าไปห้ามเขา แต่ก็เข้าใจว่าเป็นความหวังดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เรื่องร้าย แต่ทั้งนี้ มันก็มีวิธีการของมันคือควรจะไปเข้มงวดกับกฎหมายที่มีอยู่แล้ว อย่างการบังคับสถานประกอบการอย่างเคร่งครัด อย่าปล่อยปละละเลยให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปใช้บริการ การคุมเข้มของหอพัก ไม่ใช่จะออกกฎระเบียบมาคุมคนส่วนน้อยที่มีปัญหาแต่กลับทำให้คนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น