“ชินวรณ์” ยึดหลัก “ซุนวู” ออกคำสั่ง “ห้ามฝากเด็ก” แล้วทำไม่ได้ พร้อมรับผิดชอบ งัดกฎเหล็ก 9 ข้อ จี้ปฏิบัติตามเคร่งครัด ขู่ไม่ว่าหน้าไหน นักการเมือง บิ๊ก ศธ.ยันหน้าห้อง มีเอี่ยวเรียกรับผลประโยชน์ เจอจัดการขั้นเด็ดขาดแน่ ขู่กัน 10 ตำแหน่งส่วนกลางไว้รอ เรียกผู้บริหารนอกลู่เข้ากรุ
วันนี้ (12 ม.ค.) ที่ รร.มิราเคิลแกรนด์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวในการมอบนโยบายการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2554 แก่ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีอัตราการแข่งขันสูง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั่วประเทศ ว่า การรับนักเรียนในปีนี้ ตนขอวางกฎเหล็กไว้ 9 ข้อ ซึ่งทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ได้แก่ 1.สถานศึกษาทุกแห่งต้องทำการประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจ ถึงค่านิยมที่ถูกต้องในการรับนักเรียน ทั้งนี้ตนได้สั่งให้ สพฐ.จัดทำป้ายไวนิลติดประกาศไว้หน้าสถานศึกษาอย่างชัดเจนข้อความว่า “เพื่อคุณภาพการศึกษา ความเสมอภาค การรับนักเรียนทุกระดับทั่วประเทศ จะเป็นธรรม โปร่งใส ไม่มีการฝาก และเรียกรับเงินอย่างเด็ดขาด ผมขอความร่วมมือ” พร้อมติดรูปของตนกำกับไว้ด้วย 2.ต้องวางแผนการรับนักเรียนปี 2554 ที่ชัดเจน และให้ประสานกับเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียนคู่พัฒนาอีก 4 แห่ง ให้มีความชัดเจน 3.การรับนักเรียนต่อห้องจะสามารถขยายได้เต็มที่ไม่เกิน 50 คน
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อ 4.นักเรียนทุกคนต้องมีที่เรียน ตามความสามารถของตัวเอง ซึ่งสถานศึกษาต้องจัดทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส 5.สถานศึกาต้องวางแผนการรับนักเรียนอย่างเคร่งครัดตามข้อ 4 สำหรับเด็กที่จับฉลาก สอบ ต้องทำให้โปร่งใส ขณะที่เด็กในโควตาผู้มีอุปการคุณก็ต้องมีการประกาศให้ชัดเจนด้วย 6.ในการคัดเลือกนักเรียนด้วยวิธีการสอบนั้น ต้องประกาศระบุคะแนนตามลำดับที่ที่สอบได้ให้ชัดเจน เพื่อความโปร่งใส 7.ห้ามไม่ให้มีการฝากเด็ก เรียกเก็บเงิน ในช่วงการรับนักเรียนทุกกรณี 8.สถานศึกษาต้องอำนวยความสะดวกในส่วนของข้อมูลต่างๆ ในเรื่องการรับนักเรียนให้แก่นักเรียน ผู้ปกครอง และคณะกรรมการติดตามการรับนักเรียนตลอดเวลา เพื่อความโปร่งใส และ 9.ให้ทุกสถานศึกษา เขตพื้นที่ จนถึง สพฐ.ถือว่าเรื่องนโยบายการรับนักเรียนในปีนี้เป็นภารกิจหลักที่ต้องปฏิบัติตาม
นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนการรับนักเรียนที่ผ่านมา มีการกล่าวอ้างถึงนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง เพื่อเรียกร้องหาผลประโยชน์ ซึ่งในปีนี้นั้นตนต้องกาให้การรับนักเรียนเป็นไปอย่างโปร่งใส และต้องการทำลายกระบวนหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบจากเรื่องนี้ให้ได้ ซึ่ง ศธ.ไม่สามารถทำได้เองแต่ต้องอาศัยผู้เสียหาย ได้แก่ ผู้ที่ถูกกล่าวอ้าง สถานศึกษา ซึ่งต้องให้หลักประกันได้ว่าหากใครกล่าวอ้างไม่ว่าจะเป็นชื่อตนเอง หรือใครก็แล้วแต่สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย ในข้อหาหลอกลวงประชาชน ที่เป็นคดีอาญา และหากคำกล่าวอ้างดังกล่าวเกี่ยวข้องกับตนก็จะดำเนินการด้วยตัวเอง ในส่วนของข้าราชการหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการลงโทษทางวินัยด้วย ทั้งจากกรณีที่โพลระบุให้เอาผิดกับผู้บริหารสถานศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นั้น ก็ต้องดูจากข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลใดบ้าง
“ผมจะยึดกฎของซุนวู ที่ว่า หากผู้บังคับบัญชาออกคำสั่งมาแล้วทำไม่ได้ คนออกคำสั่งเองก็ต้องถูกลงโทษ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่เรียกหาผลประโยชน์ไล่ตั้งแต่ โรงเรียน จนถึงระดับกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นทางตรง และทางอ้อม จะจัดการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งหากเกิดขึ้นใน ศธ.ผมจะจัดการโดยเด็ดขาดทันที เรียกได้ว่าตั้งแต่ตัวผู้บริหารระดับสูงเอง จนถึงหน้าห้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผมได้สั่งการให้เลขาธิการ กพฐ. กันตำแหน่งไว้แล้ว 10 ตำแหน่ง สำหรับผู้ที่จะต้องเข้ามาช่วยราชการยังส่วนกลางหากมีปัญหาเรื่องการรับฝากเด็กเกิดขึ้น” รมว.ศธ.กล่าว
เมื่อถามว่า นักการเมืองมีกระแสกดดันถึงนโยบายการห้ามฝากเด็ก ที่อาจกระทบต่อฐานเสียงของตัวเองบ้างหรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ประกาศนโยบายนี้ออกไป นักการเมืองก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีหลายคนมาขอบใจตนที่ออกนโยบายดังกล่าว เนื่องจากจะช่วยให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้นเช่นกันว่าไม่ต้องมาใช้ให้นักการเมืองฝากเด็กเข้าเรียนอีกเป็นอันขาด ซึ่งหากเกิดขึ้นอีกก็ต้องเป็นที่จับตามองของสังคม และอาจเกิดการตำหนิได้ว่าการที่รัฐบาลบอกว่าจะปฏิรูปประเทศไทย แต่กลับกลายเป็นนักการเมืองมาเป็นผู้กระทำเสียเอง เพราะฉะนั้นก็คงไม่มีใครกล้าทำอีก
“ทุกปีที่ผ่านมาก็มีนักการเมืองฝากเด็กเยอะ ซึ่งก็ได้แค่ระดับหนึ่ง แต่พบว่าโดนด่ามากกว่าที่ได้เสียอีก อย่างไรก็ตามต่อจากนี้จะต้องสร้างระบบคุณธรรมให้เกิดขึ้นให้ได้” รมว.ศธ.กล่าว