สปสช.ปรับอัตราจ่ายเงินให้หน่วยบริการสังกัดสธ.แก้ปัญหาสภาพคล่อง มั่นใจปรับแล้วทำให้รพ.บริหารจัดการดีขึ้น ขณะที่ สธ.สปสช. สวปก.ตั้งทีมเฝ้าระวังทางการเงินแก้ปัญหารพ.ขาดสภาพคล่อง ก่อนมีทีมผู้ตรวจราชการและสปสช.เขตลงพื้นที่แก้ปัญหา
นพ.ปรีดา แต้อารักษ์ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากสถานการณ์กรณีปัญหาโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินนั้น ข้อมูลที่ปรากฏในสื่อเป็นข้อมูลเก่าตั้งแต่เดือนกันยายนปี2553 ซึ่งในปีงบประมาณปี 2554 นี้ สปสช.ได้ปรับอัตราการจ่ายเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพให้หน่วยบริการใหม่ จากเดิมที่จ่ายให้ล่วงหน้าครั้งละร้อยละ 25 จำนวน 4 งวด เป็น จ่ายล่วงหน้าให้ร้อยละ 50 ของประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งปีไปก่อนเลยตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้ ในส่วนของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขนั้น สปสช.ได้โอนงบประมาณไปแล้ว 22,500 ล้านบาท เชื่อว่างบประมาณจำนวนนี้จะทำให้หน่วยบริการสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิและแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องได้เป็นอย่างดี
นพ.ปรีดา กล่าวต่อว่า ในส่วนของการแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข สปสช.และสำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย (สวปก.) ได้มีการตั้งทีมเฝ้าระวังทางการเงินขึ้น ประกอบด้วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สปสช.เขต โดยมี สวปก.และ นพ.ณรงค์ อังคะสุวพลา อดีตอธิบดีกรมอนามัย เป็นที่ปรึกษา ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้แก้ไขโดยการปรับการโอนเงินไปให้เพิ่ม 3,500 ล้านบาท แต่ยังมีโรงพยาบาล 83 แห่ง ที่น่าจะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการควบคู่ไปด้วย
“ทั้งนี้ ปัญหา รพ.ขาดสภาพคล่องนั้น ไม่ใช่ปัญหา รพ.ขาดทุน ต้องแยกจากกันให้ชัดเจน ที่ผ่านมา ปัญหาของ รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุขส่วนใหญ่เป็นปัญหาการขาดสภาพคล่องเกือบทั้งสิ้น ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาที่กระทรวงสาธารณสุขกับ สปสช.กำลังจัดการอยู่นั้น จะแก้ปัญหาตรงนี้ได้ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้วย” โฆษก สปสช.กล่าว
