กรมการจัดหางานเตือนบริษัทหางาน หากฝ่าฝืนส่งแรงงานไทยไปพื้นที่เสี่ยงมีโทษถึงงดออกใบอนุญาต เหตุแรงงานไทยถูกยิงบาดเจ็บใกล้ฉนวนกาซา ประเทศอิสราเอล โดยตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว
วานนี้(10 ม.ค.) ที่กระทรวงแรงงาน กรมการจัดหางานได้มีคำสั่งให้ย้ายแรงงานไทยในอิสราเอลไปในพื้นที่ปลอดภัย หลังกระสุนลูกหลงตกกลางที่พักใกล้ฉนวนกาซา โดยแรงงานไทยที่บาดเจ็บตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังพักในโรงพยาบาล อีก 2 คน พร้อมเตรียมตรวจสอบบริษัทจัดหางานที่ฝ่าฝืนคำสั่งส่งคนไปทำงานในพื้นที่อันตราย
นายสุเมธ มโหสถ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวถึงความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทย 3 คน ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระสุนปืน ค.ตกใส่ที่พักคนงาน ใกล้ฉนวนการซา ประเทศอิสราเอล ว่า ล่าสุด คนงานทั้ง 3 คนอาการปลอดภัยแล้ว โดยในส่วนของ นายจำรัส บัวลิวัน ชาว จ.เลย ที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่บริเวณขาขวาจนทำให้กระดูกขาแตก ยังต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ทางกรมการจัดหางาน ได้ประสานงานกับญาติ โดยได้มีการพาเดินทางไปเยี่ยมที่ประเทศอิสราเอลในเร็วๆ นี้
นายสุเมธ กล่าวอีกว่า ขณะที่ นายศักดิ์สยาม แสงสว่าง ชาว จ.นครพนม ถูกกระสุนปืนที่บริเวณไหล่ซ้าย ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 1 สัปดาห์ ส่วนนายธีรวัฒน์ บุญมี ชาว จ.หนองบัวลำภู ถูกกระสุนปืนบริเวณไหล่ขวา ล่าสุดออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านพักแล้ว โดยผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน จะได้รับเงินชดเชย และค่ารักษาพยาบาล ตามประกันสังคมของอิสราเอล พร้อมเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ รายละไม่เกิน 30,000 บาท
“ที่ผ่านมา กรมการจัดหางาน เคยออกประกาศเตือนบริษัทจัดหางาน ไม่ให้ส่งคนงานไปทำงานในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะตรวจสอบว่ามีการฝ่าฝืนคำสั่งหรือไม่ หากตรวจพบอาจใช้มาตรการลงโทษด้วยการงดหรือชะลอการออกใบอนุญาต แต่หากเป็นการย้ายงานหรือเปลี่ยนนายจ้างของตัวแรงงานเอง ก็ไม่สามารถบังคับได้ เพราะการไปทำงานในพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับค่าจ้างสูงกว่าพื้นที่ปกติกว่า 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งเตือนและสั่งห้ามแรงงานไทยในอิสราเอล เข้าไปทำงานในพื้นที่ฉนวนกาซา และพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากเป็นเขตพื้นที่อันตราย ที่ยังมีการสู้รบกันอยู่ เกรงว่า เข้าไปแล้วจะได้รับอันตรายบาดเจ็บบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยขณะนี้นายจ้างได้จัดหาที่พักใหม่ชั่วคราวให้คนงานตามที่ฝ่ายแรงงานต้องการแล้ว และให้คนงานหยุดพักงานได้ 3 วัน เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ รวมทั้งไม่ขัดข้องหากคนงานรายใดประสงค์จะย้ายงาน ล่าสุด มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในอิสราเอลประมาณ 2.6 หมื่นคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังจากทั้ง 2 ประเทศบรรลุข้อตกลงการจัดส่งแรงงานแบบรัฐต่อรัฐ” นายสุเมธ กล่าว
วานนี้(10 ม.ค.) ที่กระทรวงแรงงาน กรมการจัดหางานได้มีคำสั่งให้ย้ายแรงงานไทยในอิสราเอลไปในพื้นที่ปลอดภัย หลังกระสุนลูกหลงตกกลางที่พักใกล้ฉนวนกาซา โดยแรงงานไทยที่บาดเจ็บตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังพักในโรงพยาบาล อีก 2 คน พร้อมเตรียมตรวจสอบบริษัทจัดหางานที่ฝ่าฝืนคำสั่งส่งคนไปทำงานในพื้นที่อันตราย
นายสุเมธ มโหสถ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวถึงความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทย 3 คน ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระสุนปืน ค.ตกใส่ที่พักคนงาน ใกล้ฉนวนการซา ประเทศอิสราเอล ว่า ล่าสุด คนงานทั้ง 3 คนอาการปลอดภัยแล้ว โดยในส่วนของ นายจำรัส บัวลิวัน ชาว จ.เลย ที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่บริเวณขาขวาจนทำให้กระดูกขาแตก ยังต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ทางกรมการจัดหางาน ได้ประสานงานกับญาติ โดยได้มีการพาเดินทางไปเยี่ยมที่ประเทศอิสราเอลในเร็วๆ นี้
นายสุเมธ กล่าวอีกว่า ขณะที่ นายศักดิ์สยาม แสงสว่าง ชาว จ.นครพนม ถูกกระสุนปืนที่บริเวณไหล่ซ้าย ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 1 สัปดาห์ ส่วนนายธีรวัฒน์ บุญมี ชาว จ.หนองบัวลำภู ถูกกระสุนปืนบริเวณไหล่ขวา ล่าสุดออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านพักแล้ว โดยผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน จะได้รับเงินชดเชย และค่ารักษาพยาบาล ตามประกันสังคมของอิสราเอล พร้อมเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ รายละไม่เกิน 30,000 บาท
“ที่ผ่านมา กรมการจัดหางาน เคยออกประกาศเตือนบริษัทจัดหางาน ไม่ให้ส่งคนงานไปทำงานในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะตรวจสอบว่ามีการฝ่าฝืนคำสั่งหรือไม่ หากตรวจพบอาจใช้มาตรการลงโทษด้วยการงดหรือชะลอการออกใบอนุญาต แต่หากเป็นการย้ายงานหรือเปลี่ยนนายจ้างของตัวแรงงานเอง ก็ไม่สามารถบังคับได้ เพราะการไปทำงานในพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับค่าจ้างสูงกว่าพื้นที่ปกติกว่า 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งเตือนและสั่งห้ามแรงงานไทยในอิสราเอล เข้าไปทำงานในพื้นที่ฉนวนกาซา และพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากเป็นเขตพื้นที่อันตราย ที่ยังมีการสู้รบกันอยู่ เกรงว่า เข้าไปแล้วจะได้รับอันตรายบาดเจ็บบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยขณะนี้นายจ้างได้จัดหาที่พักใหม่ชั่วคราวให้คนงานตามที่ฝ่ายแรงงานต้องการแล้ว และให้คนงานหยุดพักงานได้ 3 วัน เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ รวมทั้งไม่ขัดข้องหากคนงานรายใดประสงค์จะย้ายงาน ล่าสุด มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในอิสราเอลประมาณ 2.6 หมื่นคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังจากทั้ง 2 ประเทศบรรลุข้อตกลงการจัดส่งแรงงานแบบรัฐต่อรัฐ” นายสุเมธ กล่าว
