กรมการจัดหางานรับคำร้อง แรงงานถูกหลอกไปทำงาน ตปท.กว่าร้อยคน เตรียมจัดชุดปฏิบัติการดูแลมากขึ้น หลังเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้ง
นายสุเมธ มโหสถ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานได้รับคำร้องทุกข์จาก นายสรพงษ์ ออมสิน ชาวจังหวัดลำปาง และผู้เสียหายอีกกว่า 106 คน ว่า บริษัท พีอาร์เวิร์ด กรุ๊ป และบริษัท สยามแมเนจเมนท์ แอนด์ ซับคอนแทรค จำกัด ได้ร่วมกันหลอกลวงแรงงานไทยไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล แคนาดา และ เกาหลีใต้ โดยให้ผู้เสียหายจ่ายเงินค่าบริการ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ คนละประมาณ 20,000-250,000 บาท รวมทั้งสิ้น 7,569,2000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติของบริษัททั้งสอง ไม่พบว่าเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตในการจัดหางานให้คนงานไปทำงานต่างประเทศแต่อย่างใด
นายสุเมธ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางกรมได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อบริษัททั้งสองแล้วที่ สน.อุดมสุข ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน ในข้อหา “ร่วมกันจัดหางานให้คนหางานไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้โดยการหลอกลวงว่าได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้หลอกลวง” โดยหลังจากนี้ทางกรมฯจะจัดชุดปฏิบัติการเพื่อติดตามเรื่องนี้อย่างเข้มข้นมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งมีกรณีที่นายหน้าหลอกลวงแรงงานไปทำงานที่ประเทศเฮติมาแล้ว
นายสุเมธ มโหสถ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานได้รับคำร้องทุกข์จาก นายสรพงษ์ ออมสิน ชาวจังหวัดลำปาง และผู้เสียหายอีกกว่า 106 คน ว่า บริษัท พีอาร์เวิร์ด กรุ๊ป และบริษัท สยามแมเนจเมนท์ แอนด์ ซับคอนแทรค จำกัด ได้ร่วมกันหลอกลวงแรงงานไทยไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล แคนาดา และ เกาหลีใต้ โดยให้ผู้เสียหายจ่ายเงินค่าบริการ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ คนละประมาณ 20,000-250,000 บาท รวมทั้งสิ้น 7,569,2000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติของบริษัททั้งสอง ไม่พบว่าเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตในการจัดหางานให้คนงานไปทำงานต่างประเทศแต่อย่างใด
นายสุเมธ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางกรมได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อบริษัททั้งสองแล้วที่ สน.อุดมสุข ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน ในข้อหา “ร่วมกันจัดหางานให้คนหางานไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้โดยการหลอกลวงว่าได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้หลอกลวง” โดยหลังจากนี้ทางกรมฯจะจัดชุดปฏิบัติการเพื่อติดตามเรื่องนี้อย่างเข้มข้นมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งมีกรณีที่นายหน้าหลอกลวงแรงงานไปทำงานที่ประเทศเฮติมาแล้ว
