สธ.เริ่มบังคับใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้ผู้ผลิตพิมพ์ 10 ภาพคำเตือนภัยบุหรี่ พร้อมให้บริการเบอร์สายด่วน 1600 เลิกสูบบุหรี่ ดีเดย์ 29 มี.ค.นี้ ส่วนบุหรี่รุ่นเก่าตกค้างในตลาดอนุโลมขายต่อได้อีก 90 วัน ชี้ไทยเป็นประเทศที่ 4 ที่ใช้สื่อภาพเตือนตรงถึงกลุ่มผู้สูบ โดย 5 ประเทศ อาทิ บรูไน มาเลเซีย สนใจขอต้นแบบของไทยไปใช้

วันที่ 28 มีนาคม นางพรรณสิริ กุลนารถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนไทย ลด ละสูบบุหรี่ทุกชนิด เพื่อลดการเจ็บป่วยจากการสูดสารอันตรายที่อยู่ในบุหรี่ที่มีมากถึง 4,000 ชนิด เป็นสาเหตุทำให้ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด รวมทั้งโรคถุงลมปอดโป่งพองเรื้อรัง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมานจากอาการหอบ ล่าสุดนี้ มีคนไทยป่วยจากโรคนี้ประมาณ 200,000 คน
นางพรรณสิริ กล่าวต่อว่า ในปี 2553 นี้ จะมีกฎหมายที่ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 มีผลบังคับใช้อีก 1 ฉบับ คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแสดงฉลากรูปภาพและข้อความคำเตือน ถึงพิษภัยของบุหรี่ซิการ์ พ.ศ.2552 ซึ่งมีสาระว่าด้วยการบังคับให้บริษัทผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าบุหรี่ทุกชนิดที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทย ต้องพิมพ์ภาพคำเตือนภัย จำนวน 10 ภาพ พิมพ์ด้วย 4 สี มีพื้นที่ขนาดร้อยละ 55 บนซองบุหรี่ด้านหน้าและด้านหลังทุกซอง พร้อมเบอร์ไทรสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 เพื่อให้ประชาชนที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่กำลังจะริลองสูบบุหรี่ ได้เห็นพิษภัยอันตรายของสารพิษในบุหรี่ชัดเจนยิ่งขึ้น
นางพรรณสิริ กล่าวอีกว่า ประกาศดังกล่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552 และมีผลใช้บังคับหลังลงในราชกิจจานุเบกษา 180 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป สำหรับผลิตภัณฑ์ยาสูบรุ่นเก่าที่ยังตกค้างในท้องตลาด อนุโลมให้จำหน่ายต่อไปอีก 90 วัน จากนั้นจะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2552 ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2553 เป็นต้นไป
นางพรรณสิริ กล่าวต่อว่า วิธีการพิมพ์ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่นี้ ถือว่าเป็นการรณรงค์ให้ข้อมูลแก่ผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่ตรงกลุ่มที่สุดและประหยัดที่สุด เป็นที่ยอมรับขององค์การอนามัยโลก ว่า วิธีนี้เป็นการให้ข้อมูลที่มีความสม่ำเสมอ ผู้สูบบุหรี่จะได้ข้อมูลทุกครั้งที่หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ และใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าจะสูบต่อหรือเลิกสูบ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ 4 ที่ใช้การรณรงค์วิธีนี้ มาตรการของไทยนี้ เป็นที่สนใจของ 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย บรูไน ลาว คาซัคสถาน และ สิงคโปร์ ได้ขอต้นแบบภาพคำเตือนนี้ นำไปใช้ในประเทศด้วย นอกจากนี้การบังคับพิมพ์ภาพคำเตือนนี้ ยังมีผลในการควบคุมบุหรี่เถื่อนหรือบุหรี่หนีภาษีอีกด้วย
ด้านนพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ภาพคำเตือน 10 ภาพ ประกอบด้วย 1.สูบแล้วหัวใจวายตาย 2.สูบแล้วถุงลมพองตาย 3.สูบแล้วเป็นมะเร็งปอดตาย 4.ควันบุหรี่ทำให้เป็นมะเร็ง 10 ชนิด 5.สูบแล้วเป็นมะเร็งกล่องเสียง 6.สูบแล้วเส้นเลือดสมองตีบตาย 7.สูบแล้วเป็นมะเร็งช่องปาก 8.ควันบุหรี่ฆ่าคนใกล้ชิด 9.สูบแล้วปากเหม็นบุหรี่ และ 10.สูบแล้วเท้าเน่า
นพ.มานิต กล่าวอีกว่า ภาพประกอบคำเตือนนี้ จะเป็นการสร้างค่านิยมการไม่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ภาพและคำเตือนที่ชัดเจนจะทำให้ประชาชนมีความรู้ และตระหนักถึงอันตรายจากการสูบบุหรี่มากขึ้น โดยขนาดของภาพที่พิมพ์จะใหญ่เห็นชัดกว่าเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ พ.ศ.2550 คือ มีขนาดกว้าง 5.5 เซนติเมตร ยาว 4.75 เซนติเมตร พื้นที่พิมพ์ใหญ่ขึ้นจากเดิมร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 55 ภาพคำเตือนเหล่านี้อาจต้องปรับเปลี่ยนทุก 2 ปี เพื่อป้องกันความซ้ำซาก
วันที่ 28 มีนาคม นางพรรณสิริ กุลนารถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนไทย ลด ละสูบบุหรี่ทุกชนิด เพื่อลดการเจ็บป่วยจากการสูดสารอันตรายที่อยู่ในบุหรี่ที่มีมากถึง 4,000 ชนิด เป็นสาเหตุทำให้ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด รวมทั้งโรคถุงลมปอดโป่งพองเรื้อรัง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมานจากอาการหอบ ล่าสุดนี้ มีคนไทยป่วยจากโรคนี้ประมาณ 200,000 คน
นางพรรณสิริ กล่าวต่อว่า ในปี 2553 นี้ จะมีกฎหมายที่ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 มีผลบังคับใช้อีก 1 ฉบับ คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแสดงฉลากรูปภาพและข้อความคำเตือน ถึงพิษภัยของบุหรี่ซิการ์ พ.ศ.2552 ซึ่งมีสาระว่าด้วยการบังคับให้บริษัทผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าบุหรี่ทุกชนิดที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทย ต้องพิมพ์ภาพคำเตือนภัย จำนวน 10 ภาพ พิมพ์ด้วย 4 สี มีพื้นที่ขนาดร้อยละ 55 บนซองบุหรี่ด้านหน้าและด้านหลังทุกซอง พร้อมเบอร์ไทรสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 เพื่อให้ประชาชนที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่กำลังจะริลองสูบบุหรี่ ได้เห็นพิษภัยอันตรายของสารพิษในบุหรี่ชัดเจนยิ่งขึ้น
นางพรรณสิริ กล่าวอีกว่า ประกาศดังกล่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552 และมีผลใช้บังคับหลังลงในราชกิจจานุเบกษา 180 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป สำหรับผลิตภัณฑ์ยาสูบรุ่นเก่าที่ยังตกค้างในท้องตลาด อนุโลมให้จำหน่ายต่อไปอีก 90 วัน จากนั้นจะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2552 ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2553 เป็นต้นไป
นางพรรณสิริ กล่าวต่อว่า วิธีการพิมพ์ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่นี้ ถือว่าเป็นการรณรงค์ให้ข้อมูลแก่ผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่ตรงกลุ่มที่สุดและประหยัดที่สุด เป็นที่ยอมรับขององค์การอนามัยโลก ว่า วิธีนี้เป็นการให้ข้อมูลที่มีความสม่ำเสมอ ผู้สูบบุหรี่จะได้ข้อมูลทุกครั้งที่หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ และใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าจะสูบต่อหรือเลิกสูบ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ 4 ที่ใช้การรณรงค์วิธีนี้ มาตรการของไทยนี้ เป็นที่สนใจของ 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย บรูไน ลาว คาซัคสถาน และ สิงคโปร์ ได้ขอต้นแบบภาพคำเตือนนี้ นำไปใช้ในประเทศด้วย นอกจากนี้การบังคับพิมพ์ภาพคำเตือนนี้ ยังมีผลในการควบคุมบุหรี่เถื่อนหรือบุหรี่หนีภาษีอีกด้วย
ด้านนพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ภาพคำเตือน 10 ภาพ ประกอบด้วย 1.สูบแล้วหัวใจวายตาย 2.สูบแล้วถุงลมพองตาย 3.สูบแล้วเป็นมะเร็งปอดตาย 4.ควันบุหรี่ทำให้เป็นมะเร็ง 10 ชนิด 5.สูบแล้วเป็นมะเร็งกล่องเสียง 6.สูบแล้วเส้นเลือดสมองตีบตาย 7.สูบแล้วเป็นมะเร็งช่องปาก 8.ควันบุหรี่ฆ่าคนใกล้ชิด 9.สูบแล้วปากเหม็นบุหรี่ และ 10.สูบแล้วเท้าเน่า
นพ.มานิต กล่าวอีกว่า ภาพประกอบคำเตือนนี้ จะเป็นการสร้างค่านิยมการไม่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ภาพและคำเตือนที่ชัดเจนจะทำให้ประชาชนมีความรู้ และตระหนักถึงอันตรายจากการสูบบุหรี่มากขึ้น โดยขนาดของภาพที่พิมพ์จะใหญ่เห็นชัดกว่าเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ พ.ศ.2550 คือ มีขนาดกว้าง 5.5 เซนติเมตร ยาว 4.75 เซนติเมตร พื้นที่พิมพ์ใหญ่ขึ้นจากเดิมร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 55 ภาพคำเตือนเหล่านี้อาจต้องปรับเปลี่ยนทุก 2 ปี เพื่อป้องกันความซ้ำซาก