“สุขุมพันธุ์” นำทีมให้กำลังใจและมอบนโยบายให้ปฏิบัติงานข้าราชผู้ปฏิบัติหน้าที่เขตป้อมปราบ และชาวชุมชนนางเลิ้ง เพราะแม้รัฐบาลส่งกำลังพลมาดูแลความปลอดภัย แต่ประชาชนต้องช่วยกันดูแลตัวเอง ขณะที่ศาลาว่าการ กทม.เริ่มมีตำรวจ หน่วยคอมมานโด ร่วมรักษาความปลอดภัย
วันนี้ (12 มี.ค.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เข้าเยี่ยมข้าราชการ และลูกจ้าง สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, ประชาชนชุมชนนางเลิ้ง เพื่อให้กำลังและมอบนโยบายการทำงานช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า นอกจากที่เจ้าหน้าที่จะต้องให้การดูแลประชาชนในพื้นที่แล้ว ตนมีนโยบาย 2 ข้อที่ผู้ปฏิบัติงานต้องทำ คือ 1.เจ้าหน้าที่ต้องบอกกับประชาชนในชุมชนว่าต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วยการใช้ความอดทนกรณีมีเหตุวุ่นวายในพื้นที่ แม้ว่ารัฐบาลจะจัดกำลังทหาร ตำรวจมาดูแลประชาชน แต่ประชาชนต้องช่วยดูแลสถานการณ์และระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย 2.ต้องบอกประชาชนว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงเป็นสิทธิที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ 2550 แต่หากผู้ชุมนุมทำพฤติกรรมใดที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย คือ ใช้ความรุนแรง ต้องเตือนคนรอบข้างว่าอย่าใช้ความรุนแรงตอบโต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุที่คณะผู้บริหาร กทม.ลงพื้นที่ที่ชุมชนนางเลิ้งเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 วัน คือ วันที่ 11-12 มี.ค.นั้น เนื่องจากมีรายงานว่า ทางคนชุมชนได้หารือ และมีมติว่า หากกลุ่มเสื้อแดงเข้ามารุกรานพื้นที่เหมือนเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.2552 คนชุมชนนางเลิ้งพร้อมจะตอบโต้ทุกรูปแบบ
ด้านพญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลว่า กทม.เตรียมหน่วยพยาบาลไว้ 4 ทีมใหญ่ คือ 1.ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน (ศูนย์เอราวัณ) 2.วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาล 3.สภากาชาดไทย และ 4.กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะนำรถพยาบาลฉุกเฉินประจำไว้ภายนอกพื้นที่ชุมนุมตามจุดต่างๆ เมื่อมีเหตุพร้อมที่จะเข้าพื้นที่ได้ทันที ส่วนการให้การช่วยเหลือผู้ชุมนุมที่อาจจะเป็นลมแดด เนื่องจากอากาศร้อนนั้น ได้เตรียมอุปกรณ์แพทย์ พยาบาลไว้แล้ว ทั้งนี้ จะเข้าพื้นที่ชุมนุมได้ก็ต่อเมื่อผู้ชุมนุมร้องขอ โดยถ้าผู้ชุมนุมมีเหตุที่จำเป็นต้องรับการพยาบาล เช่น พบผู้เป็นลม สามารถแจ้งได้ที่หน่วยพยาบาล หรือที่ศูนย์เอราวัณ หมายเลข 1669
ส่วนบรรยากาศที่ศาลาว่าการ กทม.ได้มีการประกาศผ่านวิทยุตามสายภายในศาลาว่าการ กทม.เมื่อช่วงเวลา 11.45 น.ว่า ให้ข้าราชการนำรถออกจากจุดจอดรถของศาลาว่าการ กทม. ภายในเวลา 13.00 น.โดยไม่ระบุเหตุผล และตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 12 มี.ค.เป็นต้นไป จะถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการความมั่นคงของกทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยคอมมานโด ประมาณ 500-600 นาย เจ้าหน้าที่เทศกิจจำนวนหนึ่งอยู่ประจำการ
วันนี้ (12 มี.ค.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เข้าเยี่ยมข้าราชการ และลูกจ้าง สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, ประชาชนชุมชนนางเลิ้ง เพื่อให้กำลังและมอบนโยบายการทำงานช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า นอกจากที่เจ้าหน้าที่จะต้องให้การดูแลประชาชนในพื้นที่แล้ว ตนมีนโยบาย 2 ข้อที่ผู้ปฏิบัติงานต้องทำ คือ 1.เจ้าหน้าที่ต้องบอกกับประชาชนในชุมชนว่าต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วยการใช้ความอดทนกรณีมีเหตุวุ่นวายในพื้นที่ แม้ว่ารัฐบาลจะจัดกำลังทหาร ตำรวจมาดูแลประชาชน แต่ประชาชนต้องช่วยดูแลสถานการณ์และระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย 2.ต้องบอกประชาชนว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงเป็นสิทธิที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ 2550 แต่หากผู้ชุมนุมทำพฤติกรรมใดที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย คือ ใช้ความรุนแรง ต้องเตือนคนรอบข้างว่าอย่าใช้ความรุนแรงตอบโต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุที่คณะผู้บริหาร กทม.ลงพื้นที่ที่ชุมชนนางเลิ้งเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 วัน คือ วันที่ 11-12 มี.ค.นั้น เนื่องจากมีรายงานว่า ทางคนชุมชนได้หารือ และมีมติว่า หากกลุ่มเสื้อแดงเข้ามารุกรานพื้นที่เหมือนเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.2552 คนชุมชนนางเลิ้งพร้อมจะตอบโต้ทุกรูปแบบ
ด้านพญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลว่า กทม.เตรียมหน่วยพยาบาลไว้ 4 ทีมใหญ่ คือ 1.ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน (ศูนย์เอราวัณ) 2.วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาล 3.สภากาชาดไทย และ 4.กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะนำรถพยาบาลฉุกเฉินประจำไว้ภายนอกพื้นที่ชุมนุมตามจุดต่างๆ เมื่อมีเหตุพร้อมที่จะเข้าพื้นที่ได้ทันที ส่วนการให้การช่วยเหลือผู้ชุมนุมที่อาจจะเป็นลมแดด เนื่องจากอากาศร้อนนั้น ได้เตรียมอุปกรณ์แพทย์ พยาบาลไว้แล้ว ทั้งนี้ จะเข้าพื้นที่ชุมนุมได้ก็ต่อเมื่อผู้ชุมนุมร้องขอ โดยถ้าผู้ชุมนุมมีเหตุที่จำเป็นต้องรับการพยาบาล เช่น พบผู้เป็นลม สามารถแจ้งได้ที่หน่วยพยาบาล หรือที่ศูนย์เอราวัณ หมายเลข 1669
ส่วนบรรยากาศที่ศาลาว่าการ กทม.ได้มีการประกาศผ่านวิทยุตามสายภายในศาลาว่าการ กทม.เมื่อช่วงเวลา 11.45 น.ว่า ให้ข้าราชการนำรถออกจากจุดจอดรถของศาลาว่าการ กทม. ภายในเวลา 13.00 น.โดยไม่ระบุเหตุผล และตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 12 มี.ค.เป็นต้นไป จะถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการความมั่นคงของกทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยคอมมานโด ประมาณ 500-600 นาย เจ้าหน้าที่เทศกิจจำนวนหนึ่งอยู่ประจำการ