ASTVผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯ ยื่นขอถอดถอน “ชัย” ต่อประธานวุฒิสภา ชี้ทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 จงใจใช้อำนาจขัดต่อกฏหมาย ดันร่าง “เสื้อแดง” เข้าสภาฯ แถมส่อละเมิดพระราชอำนาจแต่งตั้งองมนตรี “ปานเทพ” ถาม “เนวิน” ปากบอกรักองคมนตรี แต่ปล่อยพ่อดันทุรังเข้า พูดกลับกลอกหรือไม่
วานนี้ (10 ก.พ.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาในวันนี้ (11 ก.พ.) ในญัตติเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามร่างของคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ที่เสนอโดยกลุ่มคนเสื้อแดง และญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และมาตราที่เกี่ยวกับที่มาของ ส.ส.ว่า การที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา บรรจุร่างคป.พร.เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภานั้น เป็นการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 270 ซึ่งส่อว่าเป็นการจงใจในการใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฏหมาย เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว ขัดต่อมาตรา 291 (1) ที่บัญญัติไว้ว่า ญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มจะต้องมาจากประชาชนจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 รายชื่อ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฏหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฏหมาย ซึ่งกฎหมายตามมาตรานี้ ยังไม่มี และจะอ้างว่าเป็นไปตามร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.2542 ก็ไม่ได้ เพราะกฏหมายฉบับดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้ว ดังนั้น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับคป.พร. จึงไม่เข้าสู่เงื่อนไขของมาตรา 291 (1) นายชัยจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมได้
โดยในวันนี้นายพิภพจะเดินทางไปยื่นแสดงตนต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อขอถอดถอนนายชัย ฐานจงใจใช้อำนาจกระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
นายปานเทพกล่าวว่า สิ่งที่พันธมิตรฯ กังวลในการรวบรัดเอาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 ฉบับ เข้าที่ประชุมสภา ได้เป็นจริงแล้ว ซึ่งถือเป็นเจตนาอีกครั้งหนึ่งของนายชัยที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งต่อสังคม เพราะร่าง คปพร.มีลักษณะไม่ชอบธรรม อาทิ มีการทำลายรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ประชาชนได้ลงประชามติเอาไว้ และยังส่อเป็นการละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ กรณีการแต่งตั้งองคมนตรี ที่ระบุให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย แต่ร่างแก้ไขฉบับดังกล่าวกลับตัดสถานภาพดังกล่าวออกไป ทั้งนี้ ตนขอถามนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยว่า ที่นายเนวินประกาศว่ารับไม่ได้ต่อการละเมิดองคมนตรี แต่นายชัย กลับปล่อยให้ร่าง คปพร.เข้าสู่การประชุมของสภา เป็นการเปลี่ยนจุดยืนกลับไปกลับมาใช่หรือไม่
ขณะที่ นายสุริยะใสกล่าวว่า ร่าง คปพร.นอกจากจะไม่มีกฏหมายรองรับแล้ว ยังพบว่ามีหลักฐานการล่ารายชื่อของประชาชนกว่า 71,543 คน ไม่สมบูรณ์ จึงมองว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว อาจเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเถื่อนได้ จึงอยากถามนายชัยว่า ทำหลิ่วตาปล่อยให้ร่างดังกล่าวดันเข้าสู่สภาฯ ได้อย่างไร ทั้งนี้ ตนมองว่าพรรคภูมิใจไทยอาจกำลังต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งในส่วนของโควตารัฐมนตรีหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นได้ และการกระทำให้ครั้งนี้อาจเป็นการลับ ลวง พราง กับพรรคเพื่อไทย เพื่อผลักดันให้มีการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองอีกด้วย
ซึ่งถ้าในอนาคตเกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญขึ้นมา นายชัย นายเนวิน และนายบรรหาร ศิลปอาชา ในฐานะผู้ริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตราของพรรคร่วมรัฐบาล จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ทั้งนี้ ตนคาดว่าภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์จะสามารถล่ารายชื่อประชาชนเพื่อยื่นถอดถอนต่อวุฒิสภาได้แน่นอน ส่วนการชุมนุมนั้นคงยังไม่เกิดขึ้น เพราะรอให้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการไปก่อน
ด้าน นายพิภพกล่าวว่า นายชัยไม่ควรกระทำการซ้ำเติมวิกฤติการเมืองจนอาจควบคุมไม่ได้ พันธมิตรจึงต้องออกมาท้วงติง เพื่อหยุดไม่ให้วิกฤตรุนแรงขึ้น.
วานนี้ (10 ก.พ.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาในวันนี้ (11 ก.พ.) ในญัตติเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามร่างของคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ที่เสนอโดยกลุ่มคนเสื้อแดง และญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และมาตราที่เกี่ยวกับที่มาของ ส.ส.ว่า การที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา บรรจุร่างคป.พร.เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภานั้น เป็นการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 270 ซึ่งส่อว่าเป็นการจงใจในการใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฏหมาย เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว ขัดต่อมาตรา 291 (1) ที่บัญญัติไว้ว่า ญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มจะต้องมาจากประชาชนจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 รายชื่อ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฏหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฏหมาย ซึ่งกฎหมายตามมาตรานี้ ยังไม่มี และจะอ้างว่าเป็นไปตามร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.2542 ก็ไม่ได้ เพราะกฏหมายฉบับดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้ว ดังนั้น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับคป.พร. จึงไม่เข้าสู่เงื่อนไขของมาตรา 291 (1) นายชัยจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมได้
โดยในวันนี้นายพิภพจะเดินทางไปยื่นแสดงตนต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อขอถอดถอนนายชัย ฐานจงใจใช้อำนาจกระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
นายปานเทพกล่าวว่า สิ่งที่พันธมิตรฯ กังวลในการรวบรัดเอาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 ฉบับ เข้าที่ประชุมสภา ได้เป็นจริงแล้ว ซึ่งถือเป็นเจตนาอีกครั้งหนึ่งของนายชัยที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งต่อสังคม เพราะร่าง คปพร.มีลักษณะไม่ชอบธรรม อาทิ มีการทำลายรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ประชาชนได้ลงประชามติเอาไว้ และยังส่อเป็นการละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ กรณีการแต่งตั้งองคมนตรี ที่ระบุให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย แต่ร่างแก้ไขฉบับดังกล่าวกลับตัดสถานภาพดังกล่าวออกไป ทั้งนี้ ตนขอถามนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยว่า ที่นายเนวินประกาศว่ารับไม่ได้ต่อการละเมิดองคมนตรี แต่นายชัย กลับปล่อยให้ร่าง คปพร.เข้าสู่การประชุมของสภา เป็นการเปลี่ยนจุดยืนกลับไปกลับมาใช่หรือไม่
ขณะที่ นายสุริยะใสกล่าวว่า ร่าง คปพร.นอกจากจะไม่มีกฏหมายรองรับแล้ว ยังพบว่ามีหลักฐานการล่ารายชื่อของประชาชนกว่า 71,543 คน ไม่สมบูรณ์ จึงมองว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว อาจเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเถื่อนได้ จึงอยากถามนายชัยว่า ทำหลิ่วตาปล่อยให้ร่างดังกล่าวดันเข้าสู่สภาฯ ได้อย่างไร ทั้งนี้ ตนมองว่าพรรคภูมิใจไทยอาจกำลังต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งในส่วนของโควตารัฐมนตรีหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นได้ และการกระทำให้ครั้งนี้อาจเป็นการลับ ลวง พราง กับพรรคเพื่อไทย เพื่อผลักดันให้มีการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองอีกด้วย
ซึ่งถ้าในอนาคตเกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญขึ้นมา นายชัย นายเนวิน และนายบรรหาร ศิลปอาชา ในฐานะผู้ริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตราของพรรคร่วมรัฐบาล จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ทั้งนี้ ตนคาดว่าภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์จะสามารถล่ารายชื่อประชาชนเพื่อยื่นถอดถอนต่อวุฒิสภาได้แน่นอน ส่วนการชุมนุมนั้นคงยังไม่เกิดขึ้น เพราะรอให้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการไปก่อน
ด้าน นายพิภพกล่าวว่า นายชัยไม่ควรกระทำการซ้ำเติมวิกฤติการเมืองจนอาจควบคุมไม่ได้ พันธมิตรจึงต้องออกมาท้วงติง เพื่อหยุดไม่ให้วิกฤตรุนแรงขึ้น.