“จุรินทร์” สั่งเคลียร์ราคากลางครุภัณฑ์-สิ่งก่อสร้างงบฯไทยเข้มแข็งส่วน พ.ร.ก.กู้เงิน 1.1 หมื่นล้านบาท ก่อนเดินหน้าจัดซื้อจัดจ้าง โยนให้สำนักงบฯ เป็นคนกลางตัดสิน
วันนี้ (9 มี.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการทบทวนรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างโครงการไทยเข้มแข็ง ในส่วนของงบประมาณจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 ซึ่ง สธ.ได้รับการจัดสรรจำนวน 11,500 ล้านบาท ว่า คณะกรรมการทบทวน ที่มี นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.เป็นประธาน กำลังดำเนินการพิจารณาทบทวน หากแล้วเสร็จจะแจ้งให้สาธารณะทราบ เพราะไม่ใช่ความลับ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับสำนักงบประมาณโดยตรง เพื่อขอทราบว่าราคากลางครุภัณฑ์ทางการแพทย์และสิ่งก่อสร้างที่สธ.จะมีการจัดซื้อจัดจ้างจะต้องตั้งไว้ในราคาเท่าไหร่ หากการทบทวนแล้วเสร็จจึงจะมีการจัดซื้อจัดจ้าง
เมื่อถามว่า กระทรวงการคลังได้ขยายเวลาในการเบิกจ่ายงบประมาณจนถึงเมื่อไหร่ เนื่องจากกำหนดเวลาเดิมจะต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.2552 นายจุรินทร์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังไม่ได้มีการขีดเส้นตายให้กับ สธ.ซึ่งตนได้รายงานให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทราบแล้ว เพื่อขอเวลาในการดำเนินการให้เกิดความชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนของราคาครุภัณฑ์ทางการแพทย์และสิ่งก่อสร้าง จะได้เป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
“ส่วนการสอบสวนวินัย ขรก.สธ.ของ นางเบญจวรรณ สร่างนิกร เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ยังไม่ได้รับรายงาน ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแจ้งความคืบหน้าแต่อย่างใด ซึ่งคณะกรรมการต้องเร่งทำงานให้เสร็จอยู่แล้ว” นายจุรินทร์ กล่าว
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.กล่าวว่า การทบทวนยังติดในส่วนของประเด็นราคาที่จะตั้ง โดยยังเห็นไม่ตรงกัน จึงต้องให้คนกลาง คือ สำนักงบประมาณเข้ามาดำเนินการในการจัดตั้งราคากลาง ขณะนี้ได้ส่งรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างเกือบทั้งหมดโดยเฉพาะรายการที่มีการจัดซื้อจัดจ้างจำนวนมาก เช่น อาคารพักพยาบาล 24 ห้อง ไปให้สำนักงบฯพิจารณาราคาเรียบร้อยแล้วอยู่ระหว่างการรอคำตอบ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการไทยเข้มแข็งในส่วนงบจาก พ.ร.ก.ของ สธ.ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวข้องกับการมีเจตนาส่อทุจริต เพียงแต่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการตั้งราคากลางสูงเกินไป ทำให้มีความเห็นไม่ตรงกันระหว่างแพทย์ใน สธ.โดยบางกลุ่มเห็นว่าราคาที่ตั้งไว้สูงเกินไป แต่บางกลุ่มเห็นว่ามีความเหมาะสมแล้ว หากตั้งราคาต่ำกว่านี้จะเกิดปัญหาทำให้สถานพยาบาลไม่สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ และอาจจะต้องนำเงินในส่วนของสถานพยาบาลมาสมทบจ่ายเพิ่มเติม ทั้งที่เงินของสถานพยาบาลก็ไม่เพียงพออยู่แล้วในปัจจุบัน จนนำมาสู่การตั้งคณะกรรมการทบทวนรายการร่วมกัน แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ จึงต้องส่งให้สำนักงบประมาณดำเนินการดังกล่าว
วันนี้ (9 มี.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการทบทวนรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างโครงการไทยเข้มแข็ง ในส่วนของงบประมาณจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 ซึ่ง สธ.ได้รับการจัดสรรจำนวน 11,500 ล้านบาท ว่า คณะกรรมการทบทวน ที่มี นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.เป็นประธาน กำลังดำเนินการพิจารณาทบทวน หากแล้วเสร็จจะแจ้งให้สาธารณะทราบ เพราะไม่ใช่ความลับ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับสำนักงบประมาณโดยตรง เพื่อขอทราบว่าราคากลางครุภัณฑ์ทางการแพทย์และสิ่งก่อสร้างที่สธ.จะมีการจัดซื้อจัดจ้างจะต้องตั้งไว้ในราคาเท่าไหร่ หากการทบทวนแล้วเสร็จจึงจะมีการจัดซื้อจัดจ้าง
เมื่อถามว่า กระทรวงการคลังได้ขยายเวลาในการเบิกจ่ายงบประมาณจนถึงเมื่อไหร่ เนื่องจากกำหนดเวลาเดิมจะต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.2552 นายจุรินทร์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังไม่ได้มีการขีดเส้นตายให้กับ สธ.ซึ่งตนได้รายงานให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทราบแล้ว เพื่อขอเวลาในการดำเนินการให้เกิดความชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนของราคาครุภัณฑ์ทางการแพทย์และสิ่งก่อสร้าง จะได้เป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
“ส่วนการสอบสวนวินัย ขรก.สธ.ของ นางเบญจวรรณ สร่างนิกร เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ยังไม่ได้รับรายงาน ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแจ้งความคืบหน้าแต่อย่างใด ซึ่งคณะกรรมการต้องเร่งทำงานให้เสร็จอยู่แล้ว” นายจุรินทร์ กล่าว
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.กล่าวว่า การทบทวนยังติดในส่วนของประเด็นราคาที่จะตั้ง โดยยังเห็นไม่ตรงกัน จึงต้องให้คนกลาง คือ สำนักงบประมาณเข้ามาดำเนินการในการจัดตั้งราคากลาง ขณะนี้ได้ส่งรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างเกือบทั้งหมดโดยเฉพาะรายการที่มีการจัดซื้อจัดจ้างจำนวนมาก เช่น อาคารพักพยาบาล 24 ห้อง ไปให้สำนักงบฯพิจารณาราคาเรียบร้อยแล้วอยู่ระหว่างการรอคำตอบ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการไทยเข้มแข็งในส่วนงบจาก พ.ร.ก.ของ สธ.ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวข้องกับการมีเจตนาส่อทุจริต เพียงแต่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการตั้งราคากลางสูงเกินไป ทำให้มีความเห็นไม่ตรงกันระหว่างแพทย์ใน สธ.โดยบางกลุ่มเห็นว่าราคาที่ตั้งไว้สูงเกินไป แต่บางกลุ่มเห็นว่ามีความเหมาะสมแล้ว หากตั้งราคาต่ำกว่านี้จะเกิดปัญหาทำให้สถานพยาบาลไม่สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ และอาจจะต้องนำเงินในส่วนของสถานพยาบาลมาสมทบจ่ายเพิ่มเติม ทั้งที่เงินของสถานพยาบาลก็ไม่เพียงพออยู่แล้วในปัจจุบัน จนนำมาสู่การตั้งคณะกรรมการทบทวนรายการร่วมกัน แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ จึงต้องส่งให้สำนักงบประมาณดำเนินการดังกล่าว