"อภิสิทธิ์" ไฟเขียวให้เวลาสธ.ทบทวนรายละเอียดโครงการไทยเข้มแข็ง ชี้รายการไม่มีปัญหาเดินหน้าได้เลย ส่วนรายการที่มีปัญหาให้ยกเลิกทันที ราคาครุภัณฑ์-สิ่งก่อสร้างแพงเกินเหตุให้ปรับลดลง เงินเหลือให้ส่งคืนคลัง ปลัดสธ.และคณะให้คำมั่นสัญญา ทำโครงการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
วันนี้ (30 ธ.ค.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ทบทวนรายละเอียดในโครงการไทยเข้มแข็ง หากรายการที่ไม่มีปัญหาให้เดินหน้าโครงการต่อไป ส่วนรายการที่มีปัญหา เช่นครุภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ บางรายการที่โรงพยาบาลไม่ต้องการ ขอให้ยกเลิกทันที ส่วนรายการครุภัณฑ์หรือสิ่งก่อสร้างที่มีราคาสูง ให้ปรับลดราคาลง วงเงินที่เหลือให้ส่งคืนสำนักงบประมาณ ไม่ต้องขอรายการใหม่ขึ้นมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ รวมทั้งให้เวลาในการทบทวนโครงการเพิ่มขึ้นให้รอบคอบก่อนที่จะเดินหน้าโครงการต่อไป
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไทยเข้มแข็ง ชุดที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช ที่สรุปว่า งบประมาณมีการกระจุกตัวในส่วนของโรงพยาบาลขนาดใหญ่มากเกินไป ในเรื่องนี้ท่านนายกฯ มีความคิดเห็นว่า เป็นเรื่องของนโยบายการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ในการพัฒนาระบบบริการ ถ้าไม่มีปัญหาก็ให้เดินหน้าโครงการต่อไป โดยสธ.ได้ขอเวลาในการทำงานเพิ่ม เนื่องจากเป็นข้อจำกัดที่ทำให้โครงการนี้เกิดปัญหา ซึ่งนายกฯ เห็นด้วย เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรอบคอบ
“ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้ความกรุณาเป็นและให้ความเป็นธรรม ท่านเข้าใจดีและทราบทุกเรื่องเพราะอยู่ที่ข้อเท็จจริงทุกอย่างสามารถที่จะอธิบายได้ อย่างผมญาติเห็นรายชื่อในสื่อก็ตกใจ เพราะขึ้นชื่อเป็นอันดับแรก เหมือนกับทุจริตเป็นอันดับหนึ่ง ส่งผลต่อชื่อเสียงวงตระกูลมาก คงต้องให้ความเป็นธรรมกับผมบ้าง”นพ.ไพจิตร์กล่าว
นพ.ไพจิตร์ กล่าวด้วยว่า สธ. จะพยายามเดินหน้าโครงการไทยเข้มแข็งต่อไป เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ตามนโยบายรัฐบาล โดยโครงการนี้ แปลงมาจากเมกะ โปรเจค เพื่อให้เกิดการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้รับจัดสรรงบประมาณ 86,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 14,000 ล้านบาท การพัฒนาโรงพยาบาลชุมชน 13,000 ล้านบาท และการพัฒนาโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป 20,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการพัฒนาศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางอีกประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งสธ.จะนำนโยบายที่นายกรัฐมนตรีมอบในวันนี้ เป็นแนวทางการทำงานให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มอบเอกสารและหารือเป็นที่เรียบร้อย ข้าราชการสธ.ทั้งหมดได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินการโครงการไทยเข้มแข็งด้วยความซื่อสัตย์สุจริตด้วย
