สธ.เผยพบหญิงท้อง 7 เดือนเกิดอาการข้างเคียงวัคซีนหวัด 2009 1 ราย แม่ลูกปลอดภัย รอข้อสรุปผลคณะกรรมการวัคซีน 16 มี.ค. เตือนระวังกลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มอีก 5 ราย ไม่มีรายใดรับวัคซีน ยอดรวมตาย 206 ราย สถานการณ์ยังน่าห่วงประมาทไม่ได้
วันนี้ (15 ก.พ.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของ สธ.ว่า ขณะนี้สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังประมาทไม่ได้ เนื่องจากในรอบสัปดหาที่ผ่านมาพบมีการแพร่ระบาดในหลายจังหวัดและหลายพื้นที่ มีผู้ติดเชื้อประมาณ 32,953 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในจำนวนนี้ 4 รายยืนยันเป็นกลุ่มเสี่ยง คือ 1.ผู้หญิง จ.สุรินทร์ ป่วยเป็นโรคอ้วน 2.ผู้หญิง จ.เชียงใหม่ ป่วยโรคหัวใจและไตวาย 3.เด็กชาย จ.น่าน มีภาวะทุพโภชนาการ และ4. หญิงท้อง ป่วยโรคหัวใจและโรคเลือด ส่วนอีก 1 ราย เป็นเด็กชาย วัย 7 ขวบ จ.เชียงใหม่ ยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ตนสั่งการให้ผู้ตรวจราชการทุกกระทรวงประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)ทั่วประเทศดำเนินการมาตรการลดการแพร่และมุ่งเน้นการให้ยาเร็วโดยไม่ต้องรอผลการตรวจยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 11 มกราคม - 11 กุมภาพันธ์ 2553 ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมาเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 235,078 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 ของกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 2 ล้านคน โดยเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์มากที่สุด 134,029 รายคิดเป็นร้อยละ 36.3 ของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 73,359 ราย หญิงตั้งครรภ์ 17,619 ราย คนอ้วน 6,752 รายและผู้พิการ 2,661 ราย ซึ่งจากการตรวจสอบของคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงหรือเหตุข้างเคียงที่อาจเกี่ยวพันกับการรับวัคซีนที่มีพญ.สุจิตรา นิมมานนิตย์ เป็นประธาน พบผู้ป่วยที่เกิดผลข้างเคียงอาจเกี่ยวกับการรับวัคซีนเพียงรายเดียว คือ หญิงท้อง 7 เดือน วัย 38 ปี ที่ จ.พัทลุง แพทย์วินิจฉัยว่าปอดอักเสบ ไตวาย ขณะนี้แม่และลูกปลอดภัยแล้ว แต่คณะกรรมการฯให้มีการติดตามหลังคลอดต่อไป
“ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แนะนำว่า สธ.ควรที่จะดำเนินการรณรงค์ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยสมัครใจต่อไป เพราะจากการพิจารณาจำนวนผู้ได้รับผลข้างเคียงภายหลังการรับวัคซีนเทียบกับผู้ที่มีอาการปกติ แสดงว่าวัคซีนยังมีความปลอดภัยสูง ขณะที่รอบสัปดาห์มีกลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตจากการป่วยโรคไข้หวัดใหญ่2009 ถึง 5 คน กลุ่มเสี่ยงจึงควรมารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการเสียชีวิต”นายจุรินทร์กล่าว
วันเดียวกัน นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัด สธ.กล่าวภายในการเสวนาเครือข่ายสื่อมวลชนเรื่อง “วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ปลอดภัยจริงหรือ” ที่กรมควบคุมโรค ว่า ปัจจุบันพบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายและป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่แสนกว่าราย นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 400 กว่าราย รอผลการยืนยันที่ห้องปฏิบัติการเกือบร้อยละ 20 แสดงว่าการรณรงค์ฉีดวัคซีนยังต้องเดินหน้าต่อไป ส่วนกรณีหญิงตั้งครรภ์อายุ 38 ปีท้อง 7 เดือน ที่จ.พัทลุง มีภาวะปอดอักเสบ ไตวายภายหลังรับวัคซีน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ยังไม่ได้สรุปว่าเกิดจากวัคซีนจริงๆ หรือเกิดจากสาเหตุใด ทั้งหมดต้องรอผลจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงฯ ก่อน ซึ่งจะประชุมในวันที่ 16 มีนาคม สาเหตุที่ต้องทิ้งช่วงนาน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญบางท่านติดภารกิจ เรื่องนี้อยากให้รอคณะกรรมการเป็นผู้เปิดเผย
เมื่อถามว่า กรณีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 ราย มี 4 รายเป็นกลุ่มเสี่ยง แต่อีก 1 รายยังไม่ทราบสาเหตุว่า นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่า รายที่เสียชีวิตที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเด็กชายอายุ 7 ปี เสียชีวิตจากสมองอักเสบ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงภาวะสมองพิการ โดยทั้ง 5 รายล้วนไม่ได้รับวัคซีนทั้งสิ้น
ด้าน พญ.ดารินทร์ อารีย์โชคชัย สำนักระบาดวิทยา กล่าวว่า ไม่อยากให้กังวลว่า หากได้รับวัคซีนแล้วจะเกิดผลแทรกซ้อนที่รุนแรง เพราะปัจจุบัน ยังไม่พบภาวะดังกล่าว อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับรายงานจากจ.หนองคาย พบ ผู้ชายอายุ 32 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน หลังรับวัคซีนมีไข้สูง ปอดบวม ไตวาย ช็อค และเสียชีวิต ซึ่งผลจากการเพาะเชื้อจากเลือดและเสมหะ เบื้องต้นพบว่าเกิดจากการติดเชื้อเมลิออยโดสิส 2 ครั้ง ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ทำให้เสียชีวิต ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน
ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า ผู้ที่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์รุนแรงภายหลังได้รับวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม - 9 กุมภาพันธ์ 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 17 ราย ในจำนวนนี้คณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงฯ ได้มีการพิจารณาเสร็จแล้วจำนวน 10 ราย มี 1 รายที่สรุปผลว่าเกิดจากการแพ้วัคซีน ได้แก่ หญิงท้อง 7 เดือน วัย 28 ปี จ.มหาสารคาม โดยเกิดอาการเป็นผื่น หายใจไม่ออก หลังรับวัคซีนเพียง 5 นาที แต่ขณะนี้ทั้งแม่และลูกปลอดภัย และ 1 รายที่สรุปผลว่าอาจเกี่ยวกับวัคซีน คือ หญิงท้อง 7 เดือน ปี ที่จ.พัทลุง ส่วนที่เหลืออีก 8 รายไม่เกี่ยวกับวัคซีน
วันนี้ (15 ก.พ.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของ สธ.ว่า ขณะนี้สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังประมาทไม่ได้ เนื่องจากในรอบสัปดหาที่ผ่านมาพบมีการแพร่ระบาดในหลายจังหวัดและหลายพื้นที่ มีผู้ติดเชื้อประมาณ 32,953 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในจำนวนนี้ 4 รายยืนยันเป็นกลุ่มเสี่ยง คือ 1.ผู้หญิง จ.สุรินทร์ ป่วยเป็นโรคอ้วน 2.ผู้หญิง จ.เชียงใหม่ ป่วยโรคหัวใจและไตวาย 3.เด็กชาย จ.น่าน มีภาวะทุพโภชนาการ และ4. หญิงท้อง ป่วยโรคหัวใจและโรคเลือด ส่วนอีก 1 ราย เป็นเด็กชาย วัย 7 ขวบ จ.เชียงใหม่ ยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ตนสั่งการให้ผู้ตรวจราชการทุกกระทรวงประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)ทั่วประเทศดำเนินการมาตรการลดการแพร่และมุ่งเน้นการให้ยาเร็วโดยไม่ต้องรอผลการตรวจยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 11 มกราคม - 11 กุมภาพันธ์ 2553 ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมาเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 235,078 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 ของกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 2 ล้านคน โดยเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์มากที่สุด 134,029 รายคิดเป็นร้อยละ 36.3 ของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 73,359 ราย หญิงตั้งครรภ์ 17,619 ราย คนอ้วน 6,752 รายและผู้พิการ 2,661 ราย ซึ่งจากการตรวจสอบของคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงหรือเหตุข้างเคียงที่อาจเกี่ยวพันกับการรับวัคซีนที่มีพญ.สุจิตรา นิมมานนิตย์ เป็นประธาน พบผู้ป่วยที่เกิดผลข้างเคียงอาจเกี่ยวกับการรับวัคซีนเพียงรายเดียว คือ หญิงท้อง 7 เดือน วัย 38 ปี ที่ จ.พัทลุง แพทย์วินิจฉัยว่าปอดอักเสบ ไตวาย ขณะนี้แม่และลูกปลอดภัยแล้ว แต่คณะกรรมการฯให้มีการติดตามหลังคลอดต่อไป
“ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แนะนำว่า สธ.ควรที่จะดำเนินการรณรงค์ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยสมัครใจต่อไป เพราะจากการพิจารณาจำนวนผู้ได้รับผลข้างเคียงภายหลังการรับวัคซีนเทียบกับผู้ที่มีอาการปกติ แสดงว่าวัคซีนยังมีความปลอดภัยสูง ขณะที่รอบสัปดาห์มีกลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตจากการป่วยโรคไข้หวัดใหญ่2009 ถึง 5 คน กลุ่มเสี่ยงจึงควรมารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการเสียชีวิต”นายจุรินทร์กล่าว
วันเดียวกัน นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัด สธ.กล่าวภายในการเสวนาเครือข่ายสื่อมวลชนเรื่อง “วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ปลอดภัยจริงหรือ” ที่กรมควบคุมโรค ว่า ปัจจุบันพบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายและป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่แสนกว่าราย นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 400 กว่าราย รอผลการยืนยันที่ห้องปฏิบัติการเกือบร้อยละ 20 แสดงว่าการรณรงค์ฉีดวัคซีนยังต้องเดินหน้าต่อไป ส่วนกรณีหญิงตั้งครรภ์อายุ 38 ปีท้อง 7 เดือน ที่จ.พัทลุง มีภาวะปอดอักเสบ ไตวายภายหลังรับวัคซีน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ยังไม่ได้สรุปว่าเกิดจากวัคซีนจริงๆ หรือเกิดจากสาเหตุใด ทั้งหมดต้องรอผลจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงฯ ก่อน ซึ่งจะประชุมในวันที่ 16 มีนาคม สาเหตุที่ต้องทิ้งช่วงนาน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญบางท่านติดภารกิจ เรื่องนี้อยากให้รอคณะกรรมการเป็นผู้เปิดเผย
เมื่อถามว่า กรณีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 ราย มี 4 รายเป็นกลุ่มเสี่ยง แต่อีก 1 รายยังไม่ทราบสาเหตุว่า นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่า รายที่เสียชีวิตที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเด็กชายอายุ 7 ปี เสียชีวิตจากสมองอักเสบ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงภาวะสมองพิการ โดยทั้ง 5 รายล้วนไม่ได้รับวัคซีนทั้งสิ้น
ด้าน พญ.ดารินทร์ อารีย์โชคชัย สำนักระบาดวิทยา กล่าวว่า ไม่อยากให้กังวลว่า หากได้รับวัคซีนแล้วจะเกิดผลแทรกซ้อนที่รุนแรง เพราะปัจจุบัน ยังไม่พบภาวะดังกล่าว อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับรายงานจากจ.หนองคาย พบ ผู้ชายอายุ 32 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน หลังรับวัคซีนมีไข้สูง ปอดบวม ไตวาย ช็อค และเสียชีวิต ซึ่งผลจากการเพาะเชื้อจากเลือดและเสมหะ เบื้องต้นพบว่าเกิดจากการติดเชื้อเมลิออยโดสิส 2 ครั้ง ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ทำให้เสียชีวิต ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน
ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า ผู้ที่มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์รุนแรงภายหลังได้รับวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม - 9 กุมภาพันธ์ 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 17 ราย ในจำนวนนี้คณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงฯ ได้มีการพิจารณาเสร็จแล้วจำนวน 10 ราย มี 1 รายที่สรุปผลว่าเกิดจากการแพ้วัคซีน ได้แก่ หญิงท้อง 7 เดือน วัย 28 ปี จ.มหาสารคาม โดยเกิดอาการเป็นผื่น หายใจไม่ออก หลังรับวัคซีนเพียง 5 นาที แต่ขณะนี้ทั้งแม่และลูกปลอดภัย และ 1 รายที่สรุปผลว่าอาจเกี่ยวกับวัคซีน คือ หญิงท้อง 7 เดือน ปี ที่จ.พัทลุง ส่วนที่เหลืออีก 8 รายไม่เกี่ยวกับวัคซีน
