“จุรินทร์” สั่งคุมเข้ม “กลูตาไธโอน” ห้ามคลินิกเสริมความงามทั่วประเทศ ให้บริการทำหน้าขาว ย้ำสุดอันตรายมีสิทธิแพ้รุนแรง เสียชีวิตได้ อย.เผยส่วนใหญ่ลักลอบนำเข้าจากสวิส-ญี่ปุ่น สามารถจับกุมที่ด่านตรวจสนามบินสุวรรณภูมิได้กว่า 1 หมื่นหลอด จับตาฉีดทอง ไม่มีผลวิจัยรองรับสั่งระงับแน่
วันนี้ (3 ก.พ.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผู้อำนวยการกองประกอบโรคศิลปะ ร่วมกันแถลงข่าวการลักลอบฉีดสารกลูตาไธโอน เพื่อทำให้ผิวขาว
โดย นายจุรินทร์กล่าวว่า หลังจากที่วานนี้ (2 ก.พ.) อย.ร่วมกับ สบส. ประสานกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้ทำการล่อซื้อและจับกุมนายวรุตม์ มะกรูดทอง อายุ 24 บัณฑิตตกงานที่ลักลอบให้บริการฉีดสารกลูตาไธโอนเพื่อให้ผิวขาวแบบรถเร่ โดยเปิดท้ายรถเก๋งให้บริการลูกค้าที่บริเวณลานจอดรถชั้น เอ2 ห้างสรรพสินค้าท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และอาจได้รับอันตรายได้
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า สำหรับผู้กระทำผิดรายนี้ ถือว่าผิดตามกฎหมาย 4 ฉบับ ได้แก่ 1.พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ฐานจำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และยาไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยา 2.พ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 ฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ขึ้นทะเบียนและไม่ได้รับอนุญาต 3.พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานประกอบสถานพยาบาลและดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 4.พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ฐานจำหน่ายอาหารเสริมที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน
นายจุรินทร์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้สธ.มีการติดตามการใช้สารกลูตาไธโอนอย่างใกล้ชิด ในการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งพบว่ามีสถานเสริมความงามหายแห่งให้บริการจัดเป็นรถโมบายที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีการโฆษณาผ่านเคเบิ้ลทีวี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามเรื่องนี้ โดยจะมีการขยายผลในส่วนที่มีการลักลอบนำเข้าด้วย
“ฝากเตือนไปประชาชนว่าไม่ควรใช้บริการในลักษณะนี้เพราะเป็นการนำสารกลูตาไธโอนที่ปกติใช้ในการรักษามะเร็งตับและตับอักเสบ มาใช้ฉีดเข้าเส้นจะเป็นอันตรายกับผู้ใช้เองซึ่งผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดผิวแดง ความดันต่ำ หอบหืดเฉียบพลัน เหนื่อย เพลีย ตัวบวม รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากมีอาการแพ้รุนแรง ตัวบวม หลอดลมตีบ หายใจติดขัดและเสียชีวิต นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหนังสือแจ้งสถานเสริมความงามและคลินิกเสริมความงามทั่วประเทศ ให้เคร่งครัดในการปฏิบัติตามกฎหมาย ห้ามใช้สารชนิดนี้ในการช่วยให้ผิวขาว” นายจุรินทร์กล่าว
ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ปัจจุบันอย.ยังไม่มีการขึ้นทะเบียนสารกลูตาไธโอน ส่วนกลูตาไธโอนที่เป็นอาหารเสริมใช้รับประทานมีการขึ้นทะเบียน สารที่มีใช้ในขณะนี้ถือว่าเป็นการลักลอบผิดกฎหมาย แต่ห้ามโฆษณาว่ามีส่วนผสมของสารตัวนี้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาฉีดส่วนใหญ่เป็นการลักลอบนำเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์และญี่ปุ่น เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2552 สามารถตรวจจับที่ด่านสนามบินสุวรรณภูมิได้กว่า1 หมื่นหลอดและอยู่ระหว่างการขยายผล รวมถึงการใช้สเต็มเซลล์ที่ยังไม่มีการรับรองการรักษาวิธีการนี้ หากพบว่ามีการโฆษณาและใช้วิธีนี้รักษาจะเข้าทำการตรวจและจับกุมต่อไป ซึ่งขณะนี้พบว่ามีสถานพยาบาลหลายแห่งแอบอ้างนำวิธีนี้มาใช้รักษา
“ค่านิยมวัยรุ่นไทยที่อยากขาวและไปใช้บริการฉีดสารกลูตาไธโอนจะอันตรายมาก โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ฉีดไม่มีความรู้ เพราะเป็นการฉีดเข้าเส้น หากเกิดการแพ้หรือช็อคจะไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทัน ควรใช้ครีมกันแดดและรับประทานอาหารให้ครบตามหลักโภชนาการจะดีกว่า” นพ.พิพัฒน์กล่าว
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัด สธ.กล่าวว่า กรณีการให้บริการฉีดยาเข้าสารโดยลักษณะที่เป็นรถเร่ ไม่ใช่สถานพยาบาล อันตรายมาก เนื่องจากหากเกิดอาการแพ้และช็อคจะไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทัน และขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าทำให้ผิวขาว เป็นเพียงการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินชั่วคราวเท่านั้น หากไปใช้บริการก็เท่ากับเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งสีผิวแบบคนไทยเป็นสีคลาสสิค ดีที่สุดแล้วในภูมิอากาศแบบเอเชีย สามารถป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ดีกว่าสีผิวแบบฝรั่ง
ด้าน นพ.นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมสนุบสนันบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ตามกฎหมายการฉีดยาใดๆต้องกระทำโดยผู้ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมซึ่งต้องวางแสดงให้ผู้ใช้บริการเห็นเด่นชัดและในสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตต้องต่อใบอนุญาตทุก 2 ปี และใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลต้องต่อทุก 10 ปี หากประชาชนพบเห็นสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐานถือเป็นสถานพยาบาลเถื่อน แจ้งได้ที่ โทร.0-2590-1997 ต่อ 601
“ปัจจุบันในเขตกรุงเทพฯ มีคลินิกเสริมความงามราว 160 แห่ง จากนี้กรมจะออกสุ่มตรวจมาตรฐานเป็นระยะๆ รวมทั้งเชิญราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ นายกสมาคมคลินิก และผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมปรึกษามาตรฐานการให้บริการเพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน และจากการทำหนังสือเวียนถามความเห็นไปยังแพทยสภาได้รับการยืนยันว่าการฉีดสารชนิดนี้เพื่อให้ผิวขาว ยังไม่มีงานวิจัยสนับสนุน จึงห้ามดำเนินการ” นพ.นรากล่าว
เมื่อถามว่ากรณีที่มีการฉีดทองเข้าร่างกาย และโกรทแฟกเตอร์ เข้าข่ายความผิดเหมือนการฉีดสารกลูตาไธโอนหรือไม่ นพ.นรา กล่าวว่า ตามหลักการการจะรับรองว่าสิ่งใดใช้แล้วได้ผลหรือไม่ต้องมีการงานวิจัยทางคลินิกและการใช้ในคนที่ได้ผล แต่ปัจจุบันการฉีดทองยังไม่มีงานวิจัยสนับสนุน อย่างไรก็ตาม ต้องสอบถามความเห็นเกี่ยวกับมาตรฐานการรักษาไปยังแพทยสภาว่ายอมรับและสามารถประกอบวิชาชีพได้หรือไม่ หากแพทยสภาให้ความเห็นว่าใช้ไม่ได้ผลก็จะห้ามให้บริการ เช่นเดียวกับการฉีดโกรทแฟกเตอร์ที่มีการสั่งระงับการให้บริการก่อนหน้านี้แล้ว