ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพิ่ม "โรคธาลัสซีเมีย " เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อหวัดมรณะรุนแรง พร้อมชี้เป็นไข้ดื่มน้ำน้อยส่งผลความดันต่ำ-อาการหนัก ขณะที่ปชช.แห่ซื้อเจลล้างมือเพิ่มหลายร้อยเท่า อภ.เร่งกำลังผลิตสูงสุดเพิ่ม 2 เท่าตัว พร้อมสั่งนำเข้าหน้ากากอนามัยเพิ่มอีก 10 ล้านชิ้น ขณะที่กรมควบคุมโรคเผยหน่วยงานราชการแจ้งขอฟรีเพียบ ส่วนสายด่วนไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ร้อนฉ่า โทรวันเดียวกว่า 2 พันสาย สธ.พบหญิงชุมพรตายเพิ่มอีก 1 เป็นรายที่ 25 “มาร์ก”ยันรัฐไม่เลื่อนลอยแก้ปัญหา เผยผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ ติดโรคไข้หวัด 2009
พญ.ศรีวรรณา พูลสรรพสิทธิ์ หัวหน้าสำนักวิชาการสาธารณสุข สธ. กล่าวภายหลังการประชุมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่เพื่อจัดทำคู่มือการตรวจวินิจฉัย รักษาโรคสำหรับแพทย์ทั่วประเทศว่า ที่ประชุมเห็นพ้องให้เพิ่มผู้ป่วยโรคเลือดธาลัสซีเมียเข้าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะรับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แล้ว จะทำให้เกิดอาการรุนแรง เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ป่วยของไทยที่เป็นโรคธาลัสซีเมียและติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีอาการไข้สูงกว่าคนปกติและเชื้อลงปอดทำให้เกิดปอดอักเสบได้เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรคที่สธ.เคยประกาศเป็นกลุ่มเสี่ยงจะมีอาการรุนแรงก่อนหน้านี้ ได้แก่ โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหอบหืดและโรคมะเร็ง
“ เมื่อจัดให้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวธาลัสซีเมียเป็นกลุ่มเสี่ยง อาการรุนแรง การให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ แพทย์จะต้องให้ทันทีที่ผู้ป่วยมีอาการไข้ โดยไม่ต้องรอผลตรวจยืนยันสายพันธ์เชื้อจากห้องปฏิบัติการ ” พญ.ศรีวรรณากล่าวและว่า
นอกจากนี้ พบข้อมูลผู้ป่วยเด็ก 2 รายที่มาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมีอาการหนัก ไม่ยอมทานอาหาร ความดันโลหิตต่ำ ภายหลังแพทย์ให้ดื่มน้ำ ปรากฏว่าความดันโลหิตกลับสู่ปกติ จึงสามารถอธิบายได้ว่า ผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูง หากขาดน้ำจะมีอาการรุนแรงกว่าปกติ จึงเพิ่มคำแนะนำในคู่มือแพทย์ ให้ประชาชนดื่มน้ำมากๆระหว่างที่ ป่วยเป็นไข้ โดยดื่มน้ำมากกว่าปกติที่ต้องดื่มวันละ 1-2 ลิตร
“สำหรับคู่มือสำหรับแพทย์จะจัดพิมพ์ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ขนาดเล็กพกพาง่ายสามารถใส่กระเป๋าเสื้อได้ จำนวน 20 หน้า จัดพิมพ์ประมาณ 3 หมื่นเล่ม”พญ.ศรีวรรณา กล่าว
ด้าน พญ.จริยา แสงสัจจา รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า คู่มือแนวทางการปฏิบัติสำหรับแพทย์สามารถนำไปใช้ในสถานพยาบาลทุกแห่ง รวมโดยจะไม่เน้นการตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการ แต่จะให้ยาในกลุ่มที่มีข้อบ่งชี้ทางคลินิกชัดเจนทันที ได้แก่ ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก ไข้ขึ้นสูงเกิน 38 องศาเซลเซียส มีอาการแน่นหน้าอก เพลีย อยู่ในภาวะขาดน้ำ หรือไม่สามารถดื่มน้ำได้ ซึ่งเป็นอีกอาการหนึ่งที่มีความสำคัญแพทย์ต้องรีบให้น้ำเกลือหรือ ในรายที่มีโรคประจำตัวซึ่งมีทั้งกลุ่มที่มีอาการหนังและอาการน้อย มีความเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนต้องให้การดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ
แห่ซื้อเจลล้างมือเพิ่มหลายร้อยเท่า
นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า ขณะนี้อภ.ได้เพิ่มกำลังการผลิตเจลทำความสะอาด จีพีโอ เซนเทลลา คลีนเจลของอภ จากเดิมที่ผลิตแบบหลอดเพียง 3 หมื่นหลอดต่อรอบการผลิตเป็นผลิตเต็มกำลังสูงสุดของการผลิต คือ 6 หมื่นหลอดและแบบขวดจากเดิม 3 พันขวดเป็น 5 พันขวด เนื่องจากมีการรณรงค์ให้ประชาชนป้องกันตัวเอง ด้วยการล้างมือบ่อยๆ ทำให้ประชาชนแห่ซื้อเจลทำความสะอาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดการจำหน่ายเจลเพิ่มจากเดิมหลายร้อยเท่า
นอกจากนั้น อภ.เตรียมที่จะผลิตเจลทำความสะอาดสูตรใหม่ ที่มีส่วนผสมของกลีเซอรีนที่ทำให้มือนุ่มได้เช่นเดียวกับสารสกัดจากบัวบก มีราคาถูกกว่า แต่ประสิทธิภาพไม่ต่างจากเดิม คาดว่าจะวางจำหน่ายในท้องตลาดได้ในอีก 10 วันข้างหน้า โดยจะมี 3 ขนาด ได้แก่ 1.แบบหลอด 50 กรัม ราคาประมาณ 20 บาท แพงกว่าแบบเดิมที่มีขนาด 20 กรัม 2 บาท 2.แบบขวด 500 กรัม ราคา 120 บาท ซึ่งเท่ากับแบบเดิมที่มีขนาด 450 กรัม และ3.แบบแกลลอน 4.5 ลิตร ราคา 700-800 บาท
ส่วนหน้ากากอนามัย ซึ่งอภ.ไม่ได้ผลิตเองต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจุบันได้รับความนิยมสูงเช่นกัน โดยบางหน่วยงานสั่งซื้อมายังอภ.มากถึง 1 ล้านชิ้น ทั้งที่โดยปกติจะสั่งนำเข้าประมาณ 1 หมื่น – 1 แสนชิ้น และมียอดจำหน่ายเดิมเพียงแค่ 2-3 พันชิ้นเท่านั้น ขณะนี้อภ.จึงมีหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอที่จะจำหน่ายตามความต้องการของประชาชน จึงสั่งซื้อเพิ่มเติมอีก 10 ล้านชิ้น ชิ้นละประมาณ 1.5 บาท
หน่วยราชการแห่ขอหน้ากากฟรี
นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในแต่ละปีกรมควบคุมโรคจะสั่งซื้อหน้ากากอนามัย ประมาณ 4 ล้านชิ้น แบ่งเป็นหน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก 1 ล้านชิ้น และสำหรับผู้ใหญ่ 3 ล้านชิ้น ซึ่งหลังจากมีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่และมีการรณรงค์ให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อโรคไปให้ผู้อื่น ปรากฏว่ามีหน่วยงานราชการขอสนับสนุนหน้ากากอนามัยมายังกรมฯเป็นจำนวนมาก ขณะนี้หน้ากากอนามัยที่กรมฯจึงเหลือจำนวนน้อยมาก ทำให้ต้องแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับหน่วยงานต่างในจำนวนที่น้อยกว่าที่มีการร้องขอ เช่น ขอ 1 พันชิ้น กรมฯให้ได้เพียง 200 ชิ้น เป็นต้น
“กรมควบคุมโรคได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัยเพิ่มอีก 2 ล้านชิ้น ชิ้นละประมาณ 5 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบหน้ากากอนามัยให้กับกรมฯทุกสัปดาห์ นอกจากนี้จะสนับสนุนหน้ากากอนามัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสกับเชื้อทุกวันวันละหลายชั่วโมงเป็นหลัก ส่วนประชาชนทั่วไปอยากให้ทำหน้ากากอนามัยจากผ้าใช้เองโดยเฉพาะคนที่ป่วยมีอาการไอ จาม เพราะสามารถกรองเชื้อโรคได้เช่นกัน“นพ.มล.สมชายกล่าว
ปชช.แห่โทรสายด่วนไข้หวัดใหญ่
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เปิดสายด่วนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทางหมายเลข 0-2590-3333 และ 1422 บริการตลอด 24 ชั่วโมง พบว่าได้รับความสนใจจากประชาชน โทรสอบถามจำนวนมาก ตลอดวานนี้มีทั้งหมด 2,112 สาย เฉลี่ยนาทีละ 1 สาย ส่วนใหญ่มีความสงสัยเรื่องอาการป่วยและการรักษา
นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธกล่าวว่า สธ.ได้รับรายงานผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่ม 412 ราย รวมยอดสะสม 4,469 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกว่า 10 ราย สำหรับเด็กชายอายุ 7 เดือน จ.เชียงใหม่ ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ยังไม่ได้รับรายงานยืนยัน แต่อย่างใด ซึ่งการให้ตัวเลขครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่สธ.จะแจ้งข้อมูลผู้ป่วย โดยในสัปดาห์หน้าจะเริ่มให้ข้อมูลในวันพุธ เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และขอยืนยันว่าสธ.ไม่มีการปิดบังข้อมูล เพราะไม่สามารถปิดได้อยู่แล้ว
ส่วนหน้ากากอนามัยขณะนี้ได้ประสานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในแต่ละจังหวัด ในการสนับสนุนให้ชุมชนแต่ละแห่งจัดทำหน้ากากอนามัยใช้เอง ซึ่งหน้ากากอนามัยที่ทำขึ้นเองจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ โดยเป็นการตัดเย็บในรูปแบบเดียวกับที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดคนไข้เมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว
“ทุกคนควรจะมีหน้ากากาอนามัยคนละ 2 ชิ้น เมื่อใส่แล้วสามารถนำไปซัก สลับเปลี่ยนกัน ใช้ได้ตลอด ขณะที่หน้ากากอนามัยที่เป็นกระดาษหากชุ่มแล้วก็ต้องทิ้ง ดังนั้นวันหนึ่งอาจต้องใช้ 1-2 ชิ้น ซึ่งการใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้าจะช่วยให้ประหยัดมากกว่า ซึ่งผู้ตรวจราชการกระทรวงเขต 4 ได้ดำเนินการให้กลุ่มแม่บ้านที่ผลิตสินค้าโอท็อปมาใช้ในชุมชนราคาต้นทุน 5 บาท และจำหน่ายในราคา 7 บาท ดังนั้น ผู้ที่ผลิตหน้ากากอนามัยที่เป็นแบบผ้าควรมีราคาไม่เกิน 7 บาท และเป็นการผลิตใช้ในชุมชน”นายมานิต
หญิงชุมพรเสียชีวิตอีก 1 ราย
นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 1 ราย โดยเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ก.ค. หลังจากป่วยเป็นไข้และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพียง 1 คืน เท่านั้น เป็นหญิง อายุ 62 ปี น้ำหนัก 125 กิโลกรัม อาชีพค้าขาย จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า หญิงรายดังกล่าวติดเชื้อมาจากหลานที่ป่วยเป็นไข้หวัดพร้อมกันถึง 2 คน ขณะนี้พบผู้ป่วยสะสมในพื้นที่แล้ว 39 ราย
นพ.อนุ ทองแดง ผู้อำนวยการ รพ.ปากน้ำชุมพร กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลอยู่แล้ว เดิมมารักษาด้วยโรคประจำตัวคือ โรคหัวใจ โรคความดันสูง และโรคอ้วน เพราะน้ำหนักมากถึง 125 กก. ทำให้เมื่อติดเชื้อแล้วอาการจึงรุนแรงมาก จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
"สุขุมพันธุ์” ฉุนถูกด่าทำคนตื่นตระหนก
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงมาตรการการสั่งปิดโรงเรียนในสังกัดกทม.เป็นเวลา 5 วัน(15 ก.ค.-19 ก.ค.)ที่มีหลายฝ่ายออกมาโจมตีว่าจะเป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้แก่สังคม ว่า ขอยืนยันว่าตนเองได้ทำตามแนวนโยบายของรัฐบาล ที่มอบอำนาจให้ท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในพื้นที่และได้มีการพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงสาเหตุการสั่งปิดโรงเรียนแล้ว
ดังนั้น กทม.ไม่ได้เป็นผู้สร้างให้เกิดความตื่นตระหนกแต่อย่างใด และหน้าที่ของตนเองคือทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาด และเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้นใครไม่เห็นด้วยตนก็ไม่สนใจ เพราะได้ตัดสินใจไปแล้ว
ทั้งนี้ โรงเรียนในสังกัด กทม.มีลักษณะพิเศษคือมีนักเรียนหนาแน่นและส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีอายุน้อยซึ่งมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นการปิดเรียน 3 วัน(ในวันทำการ)ไม่ถือว่าเสียเวลาเรียนมากสามารถสอนชดเชยได้ ดีกว่าปล่อยให้เรียนแล้วมีจำนวนเด็กติดเชื้อมากขึ้น อีกทั้งระหว่างที่ปิดเรียนได้กำชับให้ทุกโรงเรียนใช้เวลาในการทำความสะอาดป้องกันการแพร่กระจายของโรค และเป็นการให้เวลานักเรียนที่ป่วยรักษาตัวเองให้หายดีก่อนมาเรียนตามปกติ
ด้านนางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า เหตุที่ต้องสั่งปิดโรงเรียน เนื่องจากที่ผ่านมาบางโรงเรียนมีนักเรียนขาดเรียนประมาณ 400 – 500 คน และบางห้องมีจำนวนนักเรียนเข้าเรียนเพียง 5 คน เป็นเพราะผู้ปกครองรู้สึกไม่มั่นใจในการป้องกันการติดเชื้อ จึงให้บุตรหลานหยุดเรียนเอง ทั้งนี้ จากการรายงานของแต่ละโรงเรียน พบว่า มีนักเรียนที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จำนวน 19 คน จาก 14 โรงเรียน และมีนักเรียนที่มีอาการเป็นไข้เกือบ 1 พันรายนั้น จึงเห็นควรให้หยุดการเรียนการสอนเพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่ และช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ปกครอง
“มาร์ค” ปัดรัฐเลื่อนลอยแก้ปัญหา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณีที่รัฐบาลไม่หยุดดำเนินกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจเพื่อทำความสะอาดประเทศ เป็นเพราะเกรงใจภาคเอกชนหรือไม่ว่า ไม่ใช่เรื่องเกรงใจแต่เป็นการรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมบนความพอดี ซึ่งขอย้ำอีกครั้งว่าตั้งแต่วันแรกของการมีไข้หวัดใหญ่เกิดขึ้น แม้กระทั่งองค์การอนามัยโลกยังบอกว่าการระงับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม ก็ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน และจะมีเกณฑ์ที่ชัดเจนอยู่พอสมควรว่า ระดับไหนจำเป็นหรือไม่จำเป็น
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่นายกฯอธิบายดูเหมือนว่าประชาชนยังไม่เข้าใจ เหมือนปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปอย่างนี้ เพราะบอกว่าทำหรือไม่ทำก็กลับมาอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่อาจกลับ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด สมมติว่าเราปิดโรงเรียนหมดหรือแม้กระทั่งปิดทุกอย่างหมด แล้วทำให้ทุกคนอยู่บ้านไม่ออกไปเจอคนอื่นได้เลยภายใน 7 วันก็เป็นไปได้ แต่ทำได้จริงหรือไม่ ถ้าหยุดแล้วคนยังไปมาหาสู่กัน ก็ยังจะแพร่ระบาดต่อไป ไม่สามารถตัดตอนได้ทั้งหมด
เมื่อถามว่าพอใจกับการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ผมไม่พอใจที่มีการเสียชีวิต แน่นอนแม้แต่ตายคนเดียวก็ไม่พอใจ” แต่เข้าใจสถานการณ์ว่าเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้
เมื่อถามว่า ที่พูดมาทั้งหมดให้คนดูแลตัวเอง หรืออัตตาหิ อัตตาโนนาโถ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น แต่รัฐบาลได้จัดระบบอย่างดีสุด รูปแบบการรักษาพยาบาล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และประสิทธิภาพได้มีการจัดช่องพิเศษ การสำรองยา ก็จะไม่อยู่บนความประมาท
เมื่อถามว่าสิ่งที่นายกฯพูดยังเหมือนเลื่อนลอยอยู่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีเลื่อนลอย ทุกอย่างเป็นไปตามหลักทั้งหมด ตนให้ความเป็นจริง เพราะบางประเทศถือว่าโรคนี้เป็นโรคติดต่อได้ ส่วนเมื่อถามว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้รัฐบาลพังได้ นายกฯ ไม่ตอบคำถาม แต่ส่ายหัว เมื่อถามอีกว่ารัฐบาลยอมรับว่าโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ยอมรับ เพราะ 130 ประเทศก็ทำแบบนี้
ผู้ว่าฯเมืองน้ำดำติดหวัดใหญ่ 2009
วานนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์แจ้งว่า นางพิไลลักษณ์ ตันติย วรงค์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า นายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ติดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยรู้ผลจากการตรวจสุขภาพของแพทย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผลการตรวจสุขภาพดังกล่าวได้รับการยืนยันจาก นพ.สมปอง เจริญวัฒน์ ผอ.รพ.กาฬสินธุ์ หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ มีอาการเจ็บคอ ไอแห้ง และสงสัยว่าติดเองอาจจะติดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ จึงได้ขอให้แพทย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ทำการเจาะเลือดตรวจโดยผลปรากฏว่า มีเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ แต่หลังจากที่รู้ว่าติดหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดก็ยังคงทำงานปกติ แต่ในวันนี้ได้พักผ่อนอยู่ในจวนผู้ว่าฯ พร้อมกับครอบครัวที่เดินทางเยี่ยม โดยมีอาการแข็งแรงปกติ
ขณะที่นายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ยืนยันว่า สุขภาพยังดีแต่การพักผ่อนก็เป็นการพักฟื้น ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง แต่ก็ยังสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ ในส่วนสาเหตุของการติดเชื้อนั้น คงจะเกิดจากการทำงานที่ต้องเดินทางไปในหลายๆอำเภอ แต่เมื่อรู้ผลแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงและเชื่อว่าโรคนี้ไม่น่ากลัว เพราะในส่วนตัวเองเมื่อมีอาการติดเชื้อก็ไม่มีผลต่อสุขภาพ เพราะไม่มีอาการมึนหัวหรือเจ็บปวดอะไร.
พญ.ศรีวรรณา พูลสรรพสิทธิ์ หัวหน้าสำนักวิชาการสาธารณสุข สธ. กล่าวภายหลังการประชุมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่เพื่อจัดทำคู่มือการตรวจวินิจฉัย รักษาโรคสำหรับแพทย์ทั่วประเทศว่า ที่ประชุมเห็นพ้องให้เพิ่มผู้ป่วยโรคเลือดธาลัสซีเมียเข้าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะรับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แล้ว จะทำให้เกิดอาการรุนแรง เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ป่วยของไทยที่เป็นโรคธาลัสซีเมียและติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีอาการไข้สูงกว่าคนปกติและเชื้อลงปอดทำให้เกิดปอดอักเสบได้เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรคที่สธ.เคยประกาศเป็นกลุ่มเสี่ยงจะมีอาการรุนแรงก่อนหน้านี้ ได้แก่ โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหอบหืดและโรคมะเร็ง
“ เมื่อจัดให้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวธาลัสซีเมียเป็นกลุ่มเสี่ยง อาการรุนแรง การให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ แพทย์จะต้องให้ทันทีที่ผู้ป่วยมีอาการไข้ โดยไม่ต้องรอผลตรวจยืนยันสายพันธ์เชื้อจากห้องปฏิบัติการ ” พญ.ศรีวรรณากล่าวและว่า
นอกจากนี้ พบข้อมูลผู้ป่วยเด็ก 2 รายที่มาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมีอาการหนัก ไม่ยอมทานอาหาร ความดันโลหิตต่ำ ภายหลังแพทย์ให้ดื่มน้ำ ปรากฏว่าความดันโลหิตกลับสู่ปกติ จึงสามารถอธิบายได้ว่า ผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูง หากขาดน้ำจะมีอาการรุนแรงกว่าปกติ จึงเพิ่มคำแนะนำในคู่มือแพทย์ ให้ประชาชนดื่มน้ำมากๆระหว่างที่ ป่วยเป็นไข้ โดยดื่มน้ำมากกว่าปกติที่ต้องดื่มวันละ 1-2 ลิตร
“สำหรับคู่มือสำหรับแพทย์จะจัดพิมพ์ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ขนาดเล็กพกพาง่ายสามารถใส่กระเป๋าเสื้อได้ จำนวน 20 หน้า จัดพิมพ์ประมาณ 3 หมื่นเล่ม”พญ.ศรีวรรณา กล่าว
ด้าน พญ.จริยา แสงสัจจา รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า คู่มือแนวทางการปฏิบัติสำหรับแพทย์สามารถนำไปใช้ในสถานพยาบาลทุกแห่ง รวมโดยจะไม่เน้นการตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการ แต่จะให้ยาในกลุ่มที่มีข้อบ่งชี้ทางคลินิกชัดเจนทันที ได้แก่ ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก ไข้ขึ้นสูงเกิน 38 องศาเซลเซียส มีอาการแน่นหน้าอก เพลีย อยู่ในภาวะขาดน้ำ หรือไม่สามารถดื่มน้ำได้ ซึ่งเป็นอีกอาการหนึ่งที่มีความสำคัญแพทย์ต้องรีบให้น้ำเกลือหรือ ในรายที่มีโรคประจำตัวซึ่งมีทั้งกลุ่มที่มีอาการหนังและอาการน้อย มีความเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนต้องให้การดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ
แห่ซื้อเจลล้างมือเพิ่มหลายร้อยเท่า
นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า ขณะนี้อภ.ได้เพิ่มกำลังการผลิตเจลทำความสะอาด จีพีโอ เซนเทลลา คลีนเจลของอภ จากเดิมที่ผลิตแบบหลอดเพียง 3 หมื่นหลอดต่อรอบการผลิตเป็นผลิตเต็มกำลังสูงสุดของการผลิต คือ 6 หมื่นหลอดและแบบขวดจากเดิม 3 พันขวดเป็น 5 พันขวด เนื่องจากมีการรณรงค์ให้ประชาชนป้องกันตัวเอง ด้วยการล้างมือบ่อยๆ ทำให้ประชาชนแห่ซื้อเจลทำความสะอาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดการจำหน่ายเจลเพิ่มจากเดิมหลายร้อยเท่า
นอกจากนั้น อภ.เตรียมที่จะผลิตเจลทำความสะอาดสูตรใหม่ ที่มีส่วนผสมของกลีเซอรีนที่ทำให้มือนุ่มได้เช่นเดียวกับสารสกัดจากบัวบก มีราคาถูกกว่า แต่ประสิทธิภาพไม่ต่างจากเดิม คาดว่าจะวางจำหน่ายในท้องตลาดได้ในอีก 10 วันข้างหน้า โดยจะมี 3 ขนาด ได้แก่ 1.แบบหลอด 50 กรัม ราคาประมาณ 20 บาท แพงกว่าแบบเดิมที่มีขนาด 20 กรัม 2 บาท 2.แบบขวด 500 กรัม ราคา 120 บาท ซึ่งเท่ากับแบบเดิมที่มีขนาด 450 กรัม และ3.แบบแกลลอน 4.5 ลิตร ราคา 700-800 บาท
ส่วนหน้ากากอนามัย ซึ่งอภ.ไม่ได้ผลิตเองต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจุบันได้รับความนิยมสูงเช่นกัน โดยบางหน่วยงานสั่งซื้อมายังอภ.มากถึง 1 ล้านชิ้น ทั้งที่โดยปกติจะสั่งนำเข้าประมาณ 1 หมื่น – 1 แสนชิ้น และมียอดจำหน่ายเดิมเพียงแค่ 2-3 พันชิ้นเท่านั้น ขณะนี้อภ.จึงมีหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอที่จะจำหน่ายตามความต้องการของประชาชน จึงสั่งซื้อเพิ่มเติมอีก 10 ล้านชิ้น ชิ้นละประมาณ 1.5 บาท
หน่วยราชการแห่ขอหน้ากากฟรี
นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในแต่ละปีกรมควบคุมโรคจะสั่งซื้อหน้ากากอนามัย ประมาณ 4 ล้านชิ้น แบ่งเป็นหน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก 1 ล้านชิ้น และสำหรับผู้ใหญ่ 3 ล้านชิ้น ซึ่งหลังจากมีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่และมีการรณรงค์ให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อโรคไปให้ผู้อื่น ปรากฏว่ามีหน่วยงานราชการขอสนับสนุนหน้ากากอนามัยมายังกรมฯเป็นจำนวนมาก ขณะนี้หน้ากากอนามัยที่กรมฯจึงเหลือจำนวนน้อยมาก ทำให้ต้องแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับหน่วยงานต่างในจำนวนที่น้อยกว่าที่มีการร้องขอ เช่น ขอ 1 พันชิ้น กรมฯให้ได้เพียง 200 ชิ้น เป็นต้น
“กรมควบคุมโรคได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัยเพิ่มอีก 2 ล้านชิ้น ชิ้นละประมาณ 5 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบหน้ากากอนามัยให้กับกรมฯทุกสัปดาห์ นอกจากนี้จะสนับสนุนหน้ากากอนามัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสกับเชื้อทุกวันวันละหลายชั่วโมงเป็นหลัก ส่วนประชาชนทั่วไปอยากให้ทำหน้ากากอนามัยจากผ้าใช้เองโดยเฉพาะคนที่ป่วยมีอาการไอ จาม เพราะสามารถกรองเชื้อโรคได้เช่นกัน“นพ.มล.สมชายกล่าว
ปชช.แห่โทรสายด่วนไข้หวัดใหญ่
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เปิดสายด่วนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทางหมายเลข 0-2590-3333 และ 1422 บริการตลอด 24 ชั่วโมง พบว่าได้รับความสนใจจากประชาชน โทรสอบถามจำนวนมาก ตลอดวานนี้มีทั้งหมด 2,112 สาย เฉลี่ยนาทีละ 1 สาย ส่วนใหญ่มีความสงสัยเรื่องอาการป่วยและการรักษา
นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธกล่าวว่า สธ.ได้รับรายงานผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่ม 412 ราย รวมยอดสะสม 4,469 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกว่า 10 ราย สำหรับเด็กชายอายุ 7 เดือน จ.เชียงใหม่ ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ยังไม่ได้รับรายงานยืนยัน แต่อย่างใด ซึ่งการให้ตัวเลขครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่สธ.จะแจ้งข้อมูลผู้ป่วย โดยในสัปดาห์หน้าจะเริ่มให้ข้อมูลในวันพุธ เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และขอยืนยันว่าสธ.ไม่มีการปิดบังข้อมูล เพราะไม่สามารถปิดได้อยู่แล้ว
ส่วนหน้ากากอนามัยขณะนี้ได้ประสานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในแต่ละจังหวัด ในการสนับสนุนให้ชุมชนแต่ละแห่งจัดทำหน้ากากอนามัยใช้เอง ซึ่งหน้ากากอนามัยที่ทำขึ้นเองจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ โดยเป็นการตัดเย็บในรูปแบบเดียวกับที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดคนไข้เมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว
“ทุกคนควรจะมีหน้ากากาอนามัยคนละ 2 ชิ้น เมื่อใส่แล้วสามารถนำไปซัก สลับเปลี่ยนกัน ใช้ได้ตลอด ขณะที่หน้ากากอนามัยที่เป็นกระดาษหากชุ่มแล้วก็ต้องทิ้ง ดังนั้นวันหนึ่งอาจต้องใช้ 1-2 ชิ้น ซึ่งการใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้าจะช่วยให้ประหยัดมากกว่า ซึ่งผู้ตรวจราชการกระทรวงเขต 4 ได้ดำเนินการให้กลุ่มแม่บ้านที่ผลิตสินค้าโอท็อปมาใช้ในชุมชนราคาต้นทุน 5 บาท และจำหน่ายในราคา 7 บาท ดังนั้น ผู้ที่ผลิตหน้ากากอนามัยที่เป็นแบบผ้าควรมีราคาไม่เกิน 7 บาท และเป็นการผลิตใช้ในชุมชน”นายมานิต
หญิงชุมพรเสียชีวิตอีก 1 ราย
นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 1 ราย โดยเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ก.ค. หลังจากป่วยเป็นไข้และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพียง 1 คืน เท่านั้น เป็นหญิง อายุ 62 ปี น้ำหนัก 125 กิโลกรัม อาชีพค้าขาย จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า หญิงรายดังกล่าวติดเชื้อมาจากหลานที่ป่วยเป็นไข้หวัดพร้อมกันถึง 2 คน ขณะนี้พบผู้ป่วยสะสมในพื้นที่แล้ว 39 ราย
นพ.อนุ ทองแดง ผู้อำนวยการ รพ.ปากน้ำชุมพร กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลอยู่แล้ว เดิมมารักษาด้วยโรคประจำตัวคือ โรคหัวใจ โรคความดันสูง และโรคอ้วน เพราะน้ำหนักมากถึง 125 กก. ทำให้เมื่อติดเชื้อแล้วอาการจึงรุนแรงมาก จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
"สุขุมพันธุ์” ฉุนถูกด่าทำคนตื่นตระหนก
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงมาตรการการสั่งปิดโรงเรียนในสังกัดกทม.เป็นเวลา 5 วัน(15 ก.ค.-19 ก.ค.)ที่มีหลายฝ่ายออกมาโจมตีว่าจะเป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้แก่สังคม ว่า ขอยืนยันว่าตนเองได้ทำตามแนวนโยบายของรัฐบาล ที่มอบอำนาจให้ท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในพื้นที่และได้มีการพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงสาเหตุการสั่งปิดโรงเรียนแล้ว
ดังนั้น กทม.ไม่ได้เป็นผู้สร้างให้เกิดความตื่นตระหนกแต่อย่างใด และหน้าที่ของตนเองคือทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาด และเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้นใครไม่เห็นด้วยตนก็ไม่สนใจ เพราะได้ตัดสินใจไปแล้ว
ทั้งนี้ โรงเรียนในสังกัด กทม.มีลักษณะพิเศษคือมีนักเรียนหนาแน่นและส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีอายุน้อยซึ่งมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นการปิดเรียน 3 วัน(ในวันทำการ)ไม่ถือว่าเสียเวลาเรียนมากสามารถสอนชดเชยได้ ดีกว่าปล่อยให้เรียนแล้วมีจำนวนเด็กติดเชื้อมากขึ้น อีกทั้งระหว่างที่ปิดเรียนได้กำชับให้ทุกโรงเรียนใช้เวลาในการทำความสะอาดป้องกันการแพร่กระจายของโรค และเป็นการให้เวลานักเรียนที่ป่วยรักษาตัวเองให้หายดีก่อนมาเรียนตามปกติ
ด้านนางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า เหตุที่ต้องสั่งปิดโรงเรียน เนื่องจากที่ผ่านมาบางโรงเรียนมีนักเรียนขาดเรียนประมาณ 400 – 500 คน และบางห้องมีจำนวนนักเรียนเข้าเรียนเพียง 5 คน เป็นเพราะผู้ปกครองรู้สึกไม่มั่นใจในการป้องกันการติดเชื้อ จึงให้บุตรหลานหยุดเรียนเอง ทั้งนี้ จากการรายงานของแต่ละโรงเรียน พบว่า มีนักเรียนที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จำนวน 19 คน จาก 14 โรงเรียน และมีนักเรียนที่มีอาการเป็นไข้เกือบ 1 พันรายนั้น จึงเห็นควรให้หยุดการเรียนการสอนเพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่ และช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ปกครอง
“มาร์ค” ปัดรัฐเลื่อนลอยแก้ปัญหา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณีที่รัฐบาลไม่หยุดดำเนินกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจเพื่อทำความสะอาดประเทศ เป็นเพราะเกรงใจภาคเอกชนหรือไม่ว่า ไม่ใช่เรื่องเกรงใจแต่เป็นการรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมบนความพอดี ซึ่งขอย้ำอีกครั้งว่าตั้งแต่วันแรกของการมีไข้หวัดใหญ่เกิดขึ้น แม้กระทั่งองค์การอนามัยโลกยังบอกว่าการระงับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม ก็ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน และจะมีเกณฑ์ที่ชัดเจนอยู่พอสมควรว่า ระดับไหนจำเป็นหรือไม่จำเป็น
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่นายกฯอธิบายดูเหมือนว่าประชาชนยังไม่เข้าใจ เหมือนปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปอย่างนี้ เพราะบอกว่าทำหรือไม่ทำก็กลับมาอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่อาจกลับ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด สมมติว่าเราปิดโรงเรียนหมดหรือแม้กระทั่งปิดทุกอย่างหมด แล้วทำให้ทุกคนอยู่บ้านไม่ออกไปเจอคนอื่นได้เลยภายใน 7 วันก็เป็นไปได้ แต่ทำได้จริงหรือไม่ ถ้าหยุดแล้วคนยังไปมาหาสู่กัน ก็ยังจะแพร่ระบาดต่อไป ไม่สามารถตัดตอนได้ทั้งหมด
เมื่อถามว่าพอใจกับการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ผมไม่พอใจที่มีการเสียชีวิต แน่นอนแม้แต่ตายคนเดียวก็ไม่พอใจ” แต่เข้าใจสถานการณ์ว่าเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้
เมื่อถามว่า ที่พูดมาทั้งหมดให้คนดูแลตัวเอง หรืออัตตาหิ อัตตาโนนาโถ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น แต่รัฐบาลได้จัดระบบอย่างดีสุด รูปแบบการรักษาพยาบาล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และประสิทธิภาพได้มีการจัดช่องพิเศษ การสำรองยา ก็จะไม่อยู่บนความประมาท
เมื่อถามว่าสิ่งที่นายกฯพูดยังเหมือนเลื่อนลอยอยู่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีเลื่อนลอย ทุกอย่างเป็นไปตามหลักทั้งหมด ตนให้ความเป็นจริง เพราะบางประเทศถือว่าโรคนี้เป็นโรคติดต่อได้ ส่วนเมื่อถามว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้รัฐบาลพังได้ นายกฯ ไม่ตอบคำถาม แต่ส่ายหัว เมื่อถามอีกว่ารัฐบาลยอมรับว่าโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ยอมรับ เพราะ 130 ประเทศก็ทำแบบนี้
ผู้ว่าฯเมืองน้ำดำติดหวัดใหญ่ 2009
วานนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์แจ้งว่า นางพิไลลักษณ์ ตันติย วรงค์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า นายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ติดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยรู้ผลจากการตรวจสุขภาพของแพทย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผลการตรวจสุขภาพดังกล่าวได้รับการยืนยันจาก นพ.สมปอง เจริญวัฒน์ ผอ.รพ.กาฬสินธุ์ หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ มีอาการเจ็บคอ ไอแห้ง และสงสัยว่าติดเองอาจจะติดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ จึงได้ขอให้แพทย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ทำการเจาะเลือดตรวจโดยผลปรากฏว่า มีเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ แต่หลังจากที่รู้ว่าติดหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดก็ยังคงทำงานปกติ แต่ในวันนี้ได้พักผ่อนอยู่ในจวนผู้ว่าฯ พร้อมกับครอบครัวที่เดินทางเยี่ยม โดยมีอาการแข็งแรงปกติ
ขณะที่นายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ยืนยันว่า สุขภาพยังดีแต่การพักผ่อนก็เป็นการพักฟื้น ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง แต่ก็ยังสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ ในส่วนสาเหตุของการติดเชื้อนั้น คงจะเกิดจากการทำงานที่ต้องเดินทางไปในหลายๆอำเภอ แต่เมื่อรู้ผลแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงและเชื่อว่าโรคนี้ไม่น่ากลัว เพราะในส่วนตัวเองเมื่อมีอาการติดเชื้อก็ไม่มีผลต่อสุขภาพ เพราะไม่มีอาการมึนหัวหรือเจ็บปวดอะไร.