xs
xsm
sm
md
lg

“ธาลัสซีเมีย” ติดโผโรคเสี่ยงตายด้วยหวัด 09 ชี้กินน้ำน้อยมีสิทธิ์ช็อก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
ทีมผู้เชี่ยวชาญเพิ่ม “โรคธาลัสซีเมีย” เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 แล้วอาการรุนแรง เป็นโรคที่ 8 ออกคู่แพทย์ตรวจวินิจฉัยโรค 3 หมื่นเล่ม แจกให้แพทย์ทั่วประเทศ เร็วที่สุดวันที่ 20 ก.ค.นี้ เน้นเข้าใจง่าย ถูกต้องตรงกัน ไม่ต้องตรวจแล็บมีอาการรุนแรงให้ยาทันที เผยเป็นไข้ดื่มน้ำน้อยส่งผลความดันต่ำเสี่ยงอาการรุนแรง แนะเป็นไข้ดื่มน้ำให้มากกว่าวันละ 1-2 ลิตรต่อวัน

พญ.ศรีวรรณา พูลสรรพสิทธิ์ หัวหน้าสำนักวิชาการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช1เอ็น1 เพื่อจัดทำคู่มือการตรวจวินิจฉัย รักษาโรคสำหรับแพทย์ทั่วประเทศนานกว่า 4 ชั่วโมง ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องให้เพิ่มผู้ป่วยโรคเลือดธาลัสซีเมียเข้าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะรับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้ว จะทำให้เกิดอาการรุนแรง เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ป่วยของไทยที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย และติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีอาการไข้สูงกว่าคนปกติ และเชื้อลงปอด ทำให้เกิดปอดอักเสบได้เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค ที่ สธ.เคยประกาศเป็นกลุ่มเสี่ยงจะมีอาการรุนแรงก่อนหน้านี้ ได้แก่ โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหอบหืด และโรคมะเร็ง

“เมื่อจัดให้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวธาลัสซีเมียเป็นกลุ่มเสี่ยง อาการรุนแรง การให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวีย แพทย์จะต้องให้ทันทีที่ผู้ป่วยมีอาการไข้ โดยไม่ต้องรอผลตรวจยืนยันสายพันธ์เชื้อจากห้องปฏิบัติการ”พญ.ศรีวรรณา กล่าว

พญ.ศรีวรรณา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พบข้อมูลผู้ป่วยเด็ก 2 รายที่มาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมีอาการหนัก ไม่ยอมทานอาหาร ความดันโลหิตต่ำ ภายหลังแพทย์ให้ดื่มน้ำ ปรากฏว่า ความดันโลหิตกลับสู่ปกติ จึงสามารถอธิบายได้ว่า ผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูง หากขาดน้ำจะมีอาการรุนแรงกว่าปกติ จึงเพิ่มคำแนะนำในคู่มือแพทย์ ให้ประชาชนดื่มน้ำมากๆระหว่างที่ป่วยเป็นไข้ โดยดื่มน้ำมากกว่าปกติที่ต้องดื่มวันละ 1-2 ลิตร

“สำหรับคู่มือสำหรับแพทย์ดังกล่าวจะสรุปเนื้อหาโดยให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจทานให้อ่านแล้วเข้าใจง่ายและถูกต้อง โดยจะจัดพิมพ์ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ ขนาดเล็กพกพาง่ายสามารถใส่กระเป๋าเสื้อได้ จำนวน 20 หน้า จัดพิมพ์ประมาณ 3 หมื่นเล่ม จากนั้นจะแจกจ่ายให้แพทย์ทั่วประเทศทั้งในโรงพยาบาลรัฐ เอกชนและคลินิก” พญ.ศรีวรรณา กล่าว

พญ.จริยา แสงสัจจา รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า คู่มือแนวทางการปฏิบัติสำหรับแพทย์สามารถนำไปใช้ในสถานพยาบาลทุกแห่ง รวมโดยจะไม่เน้นการตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการแต่จะให้ยาในกลุ่มที่มีข้อบ่งชี้ทางคลินิกชัดเจนทันที ได้แก่ ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก ไข้ขึ้นสูงเกิน 38 องศาเซลเซียส มีอาการแน่นหน้าอก เพลีย อยู่ในภาวะขาดน้ำ หรือไม่สามารถดื่มน้ำได้ซึ่งเป็นอีกอาการหนึ่งที่มีความสำคัญแพทย์ต้องรีบให้น้ำเกลือหรือในรายที่มีโรคประจำตัวซึ่งมีทั้งกลุ่มที่มีอาการหนังและอาการน้อย มีความเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนต้องให้การดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ

“ธรรมชาติของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่ทำให้ปอดเกิดการอักเสบอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการชัดเจน ว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีโอกาสเสี่ยงสูงในการทำลายปอดได้รุนแรงมากกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล แต่หากเปรียบเทียบกับไข้หวัดธรรมดามีความรุนแรงมากกว่าอยู่แล้ว” พญ.จริยา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น