กทม.ทยอยนำรถออกจากสนามหลวง ขณะที่แม่ค้าขายอาหารนกพิราบป่วนเจ้าหน้าที่เทศกิจ จุดประทัดไล่นก หลังเตรียมขนนกพิราบย้ายสถานที่เพื่อปรับภูมิทัศน์สนามหลวง ขณะที่ กทม.เริ่มจับนกพิราบเพื่อปรับภูมิทัศน์ท้องสนามหลวงแล้ว โดยรองผู้ว่าฯ กทม.คาดว่าประมาณ 2 สัปดาห์น่าจะจับได้หมด
บรรยากาศบริเวณสนามหลวงช่วงเช้าวันนี้(1 ก.พ.) เจ้าหน้าที่เทศกิจจากกรุงเทพมหานคร เริ่มกระจายกำลังลงในพื้นที่ บริเวณรอบท้องสนามหลวง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะมีการปิดพื้นที่อย่างเป็นทางการในวันนี้ สำหรับการจับนกพิราบ ซึ่งเป็นมาตรการ 1 ในการปรับปรุงภูมิทัศน์ของพื้นที่ เจ้าหน้าที่เริ่มนำเม็ดข้าวโพด ที่เตรียมไว้ให้นกกินหว่านบริเวณรอบกรง ก่อนที่จะเข้ามาหว่านต่อไปภายในกรง แต่ขณะที่นกกำลังเข้าไปกินอาหารภายในกรงนั้น มีกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ จากการขายอาหารนก จุดประทัดขึ้น ทำให้นกหนีไป จึงทำให้เจ้าหน้าที่เทศกิจรีบเข้าไปตรวจสอบ และหาตัวผู้กระทำผิด ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบ และขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งได้ทำการตรวจพื้นที่บริเวณรอบท้องสนามหลวง ป้องกันไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าที่เสียผลประโยชน์ รวมทั้งคนเร่ร่อนเข้ามาในพื้นที่อีก
และล่าสุดเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำรถยนต์เข้ามาจอดในพื้นที่ท้องสนามหลวงแล้ว จึงทำให้บริเวณท้องสนามหลวงในวันนี้ ดูสะอาดเรียบร้อยมากกว่าที่ผ่านมา
นายธีระชน มนโนมัยพิบูลย์ นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ และนางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ลงพื้นที่ตรวจการปฏิบัติงานภายหลังได้ปิดสนามหลวงตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา - 30 พ.ย. 2553 เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์สนามหลวงและบริเวณโดยรอบโดยตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดได้เข้าทำความสะอาดพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่บางส่วนได้นำเมล็ดข้าวโพดแห้งมาโปรยบริเวณกรงจับนกพิราบซึ่งตั้งอยู่ที่ท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยและสามารถจับเข้ากรงได้โดยง่าย ตลอดจนห้ามให้รถทัวร์รับส่งนักท่องเที่ยวและรถยนต์เข้ามาจอดภายในสนามหลวงโดยเด็ดขาด
โดยนายธีระชน กล่าวว่า กทม.จะเริ่มปฏิบัติการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่สนามหลวงโดยเริ่มจากการดักจับนกพิราบในพื้นที่ที่มีกว่า 10,000 ตัว ไปเลี้ยงดูในพื้นที่ปิดเหมาะสม เช่น ที่จ.ราชบุรี จ.ปราจีนบุรี เบื้องต้นนั้น ทางเครือข่ายนกพิราบที่เกี่ยวข้อง อาทิ สมาคมมิตรภาพกีฬาแข่งนก สมาคมพัฒนานกพิราบสื่อสารไทย จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการดักจับนกพิราบ และจะนำนกพิราบที่จับได้ ทำการฆ่าไร ตรวจหาเชื้อไข้หวัดนก และให้ยาถ่ายพยาธิ ก่อนที่จะนำไปเลี้ยงในพื้นที่ปิดดังกล่าว ตนจึงขอความร่วมมือประชาชนงดซื้อและให้อาหารนกพิราบด้วย
ด้านนายพรเทพ กล่าวถึงการจัดระเบียบผู้ค้าว่า สำหรับผู้ค้าขณะนี้กทม.ได้เตรียมพื้นที่คลองหลอดเป็นพื้นที่ค้าขาย เบื้องต้นได้ขอให้สำนักงานเขตพระนคร เป็นตัวกลางประสานไปยังผู้ค้าที่ต้องการ ซึ่งหากพื้นที่คลองหลอดมีไม่เพียงพอ หรือต้องเสียค่าเช่า กทม.จะเป็นผู้ที่ดูแลให้แต่ขอให้มาเจรจากันก่อนว่ามีปัญหาคับข้องใจอะไรบ้าง
ขณะที่นางทยา กล่าวถึงการแก้ปัญหาคนเร่ร่อนว่า ตนอยู่ระหว่างเร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในการหาบ้านพักอาศัยชั่วคราวให้ เบื้องต้นอาจจะต้องมีการผ่อนปรนกฎระเบียบให้ความเป็นอยู่อิสระขึ้น สำหรับคนเร่ร่อนที่ต้องการที่พักนั้น กทม.จะใช้เวลา 28 วันในการให้กลุ่มคนดังกล่าวได้รับที่อยู่อาศัยชั่วคราว ส่วนคนเร่ร่อนที่ต้องการหาอาชีพใหม่ทำนั้น ตนจะให้โรงเรียนฝึกอาชีพของกทม. เข้ามาแจกแผ่นประชาสัมพันธ์และเชิญชวนผู้ค้าที่ต้องการเข้าไปเรียน เพื่อสร้างแหล่งหารายได้และอาชีพในอนาคตต่อไป
ด้านนายเนติ ตันติมนตรี นายกสมาคมมิตรภาพกีฬาแข่งนก เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่จะใช้เวลา 10 วันในการทำความคุ้นเคยกับนกด้วยการให้อาหารเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00-15.00 น. ซึ่งอาหารที่ให้ ได้แก่ เมล็ดทานตะวันรัสเซีย, เมล็ดคานาวิสซานติว่า ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศและเมล็ดข้าวโพด โดยจะให้อาหารดังกล่าวช่วงเวลา 12.00-15.00 น. ทุกวัน ก่อนที่จะจับไปตรวจหาโรคที่ซ.ลาดพร้าว 87 และส่งต่อไปยังพื้นที่เลี้ยงในจ.ปราจีน และ จ.ราชบุรีต่อไป ส่วนการขัดขวางการจับนำของผู้ค้าอาหารนก ที่นำประทัด หรือ ส่งเสียงดังนั้น ตนมองว่าจะเป็นอุปสรรคในการทำโครงการดังกล่าวอย่างมาก เบื้องต้นอยากขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่กทม. ช่วยดูแลไม่ให้ผู้ต่อต้านทำการขัดขวาง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค. เวลา 20.00 น. ที่ผ่านมา ตัวแทนของมูลนิธิอิสระชน จำนวน 3 คนได้เข้าหารือกับนายสมลักษณ์ บุญยอ แกนนำกลุ่มสนามหลวง เพื่อรับหนังสือขอความอนุเคราะห์และผ่อนผันให้ผู้ค้าแผงลอยและคนเร่ร่อนเข้าพักในพื้นที่เดิมได้อีกประมาณ 1 เดือน เบื้องต้นตัวแทนมูลอิสสระชนได้รับข้อเสนอ และขอร้องให้กลุ่มสนามหลวงหยุดเคลื่อนไหวในวันที่ 1ก.พ. เพื่อให้การแถลงข่าวเปิดตัวโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์สนามหลวงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งกรณีดังกล่าวนายพรเทพ กล่าวว่า ความจริงแล้วกทม.ไม่ได้ให้สิทธิ์ใครในการพักในพื้นที่สนามหลวง แต่เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายคงต้องใช้วิธีเจรจากัน ซึ่งในวันที่ 1 มี.ค.นี้ กทม.จะส่งมอบพื้นที่สนามหลวงให้กับหน่วยงานทหารให้เข้ามาพัฒนา คงต้องให้หน่วยงานดังกล่าวพิจารณาอีกครั้งว่าจะยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ต่อไปหรือไม่
