กทม.เข้มเตรียมแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าของอาคารเสือป่าพลาซ่าอีกรอบ หลังฝ่าฝืนเข้าไปซ่อมอาคารภายใน แต่ภายนอกตบตาเจ้าหน้าที่รัฐ “พรเทพ” ส่งเทศกิจคุมเข้มห้ามเข้าใช้อาคารหลังมีรายงานเตรียมเปิดค้าขายอีกครั้ง 15 ธ.ค.นี้
วันนี้ (12 พ.ย.) นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะเข้าตรวจอาคารเสือป่าพลาซ่า ถนนเจริญกรุง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย หลังตรวจพบว่ามีการลักลอบซ่อมแซมอาคาร ทั้งที่สำนักงานเขตป้อมปราบฯ ได้มีคำสั่งห้ามเข้า ห้ามใช้อาคาร และรื้อถอนอาคาร เนื่องจากเหตุเพลิงไหม้อาคารตั้งเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบว่าบริเวณด้านหน้าอาคารติดถนนเจริญกรุงยังมีรั้วสังกะสีปิดล้อม และผ้าใบปิดมิดชิด แต่เมื่อเดินเข้าไปด้านหลังอาคารพบว่ามีการซ่อมแซมอาคารติดไฟฟ้า ทาสีผนัง ทำพื้นใหม่ แต่ไม่พบคนงานก่อสร้างคาดว่าจะมีสายรายงานให้รู้ข่าวก่อนจึงหลบหนีไป นอกจากนี้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวแจ้งว่าอาคารเสือป่าพลาซ่าจะเปิดบริการใหม่ 15 ธ.ค.2552 นี้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางเขตป้อมปราบฯได้เข้ามาตรวจสอบแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งเจ้าของอาคารก็ยอมให้ถูกปรับซึ่งอัตราค่าปรับสูงสุดวันละ 30,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุเพลิงไหม้อาคารเสือป่าพลาซ่า เกิดเมื่อ 4 มกราคม 2552 ประมาณ 21.00 น. จากนั้นทางสำนักเขตป้อมปราบฯ ได้ตั้งคณะกรรมตรวจสอบอาคารพบว่าโครงสร้างไม่ปลอดภัยเนื่องจากเพลิงไหม้กินเวลาถึง 2 ชั่วโมง 45 นาที จึงได้ออกคำสั่งห้ามใช้ ห้ามเข้า และรื้อถอนอาคาร นอกจากนี้ พบว่าอาคารเดิมมี 7 ชั้น จำนวน 17 คู หา แต่มีการต่อเติมถึง 9 ชั้น จึงได้แจ้งความดำเนินคดีเพ่ง และอาญา ตามพรบ.ควบคุมอาคาร ทางบริษัทเสือป่าพลาซ่า จำกัด ได้ทำหนังสือขออนุญาตสำนักการโยธา (สนย.) กทม.ให้วิศวกรเข้าตรวจสอบอาคารในเรื่องความมั่นคงแข็งแรงเพื่อขอใช้อาคารต่อ แต่ทางสนย.ไม่สามารถพิจารณาได้เนื่องจากบริษัทได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ สำนักงานควบคุมอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่ออุทธรณ์คำสั่งรื้อถอนอาคาร ทาง สนย.กทม.จึงต้องรอผลการพิจารณาก่อน
ล่าสุดทางคณะกรรมการฯได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา เขตป้อมปราบฯ เข้าชี้แจงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คาดว่าจะทราบผลในเร็วๆนี้ แต่ระหว่างที่มีการอุทธรณ์ตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าดำเนินการใดๆ กับตัวอาคารได้ แต่ทางบริษัทได้ลักลอบเข้าซ่อมตัวอาคารซึ่งถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งในเรื่องนี้ นายพรเทพกล่าวว่า จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่เทศกิจคุมพื้นที่ห้ามเข้าอาคาร และหารือฝ่ายกฎหมายแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม รวมทั้งเสนอผู้บริหารพิจารณาแก้ข้อกฎหมายที่เป็นช่องว่างในการทำผิด พ.ร.บ.ควมคุมอาคารต่อไป
วันนี้ (12 พ.ย.) นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะเข้าตรวจอาคารเสือป่าพลาซ่า ถนนเจริญกรุง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย หลังตรวจพบว่ามีการลักลอบซ่อมแซมอาคาร ทั้งที่สำนักงานเขตป้อมปราบฯ ได้มีคำสั่งห้ามเข้า ห้ามใช้อาคาร และรื้อถอนอาคาร เนื่องจากเหตุเพลิงไหม้อาคารตั้งเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบว่าบริเวณด้านหน้าอาคารติดถนนเจริญกรุงยังมีรั้วสังกะสีปิดล้อม และผ้าใบปิดมิดชิด แต่เมื่อเดินเข้าไปด้านหลังอาคารพบว่ามีการซ่อมแซมอาคารติดไฟฟ้า ทาสีผนัง ทำพื้นใหม่ แต่ไม่พบคนงานก่อสร้างคาดว่าจะมีสายรายงานให้รู้ข่าวก่อนจึงหลบหนีไป นอกจากนี้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวแจ้งว่าอาคารเสือป่าพลาซ่าจะเปิดบริการใหม่ 15 ธ.ค.2552 นี้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางเขตป้อมปราบฯได้เข้ามาตรวจสอบแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งเจ้าของอาคารก็ยอมให้ถูกปรับซึ่งอัตราค่าปรับสูงสุดวันละ 30,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุเพลิงไหม้อาคารเสือป่าพลาซ่า เกิดเมื่อ 4 มกราคม 2552 ประมาณ 21.00 น. จากนั้นทางสำนักเขตป้อมปราบฯ ได้ตั้งคณะกรรมตรวจสอบอาคารพบว่าโครงสร้างไม่ปลอดภัยเนื่องจากเพลิงไหม้กินเวลาถึง 2 ชั่วโมง 45 นาที จึงได้ออกคำสั่งห้ามใช้ ห้ามเข้า และรื้อถอนอาคาร นอกจากนี้ พบว่าอาคารเดิมมี 7 ชั้น จำนวน 17 คู หา แต่มีการต่อเติมถึง 9 ชั้น จึงได้แจ้งความดำเนินคดีเพ่ง และอาญา ตามพรบ.ควบคุมอาคาร ทางบริษัทเสือป่าพลาซ่า จำกัด ได้ทำหนังสือขออนุญาตสำนักการโยธา (สนย.) กทม.ให้วิศวกรเข้าตรวจสอบอาคารในเรื่องความมั่นคงแข็งแรงเพื่อขอใช้อาคารต่อ แต่ทางสนย.ไม่สามารถพิจารณาได้เนื่องจากบริษัทได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ สำนักงานควบคุมอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่ออุทธรณ์คำสั่งรื้อถอนอาคาร ทาง สนย.กทม.จึงต้องรอผลการพิจารณาก่อน
ล่าสุดทางคณะกรรมการฯได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา เขตป้อมปราบฯ เข้าชี้แจงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คาดว่าจะทราบผลในเร็วๆนี้ แต่ระหว่างที่มีการอุทธรณ์ตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าดำเนินการใดๆ กับตัวอาคารได้ แต่ทางบริษัทได้ลักลอบเข้าซ่อมตัวอาคารซึ่งถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งในเรื่องนี้ นายพรเทพกล่าวว่า จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่เทศกิจคุมพื้นที่ห้ามเข้าอาคาร และหารือฝ่ายกฎหมายแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม รวมทั้งเสนอผู้บริหารพิจารณาแก้ข้อกฎหมายที่เป็นช่องว่างในการทำผิด พ.ร.บ.ควมคุมอาคารต่อไป