xs
xsm
sm
md
lg

“หมอวิชัย” ร้อง “มาร์ค" สอบกรมแพทย์ใช้งบรัฐเบี่ยงประเด็นโต้โกง SP2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หมอวิชัย” ร้องนายกฯ ลงมาตรวจสอบกรมการแพทย์ ซื้อสื่อแจงข้อมูลไม่ครบ เบี่ยงเบนประเด็น ยันคณะกรรมการตรวจสอบไทยเข้มแข็งฯ มีหลักฐานชัด ตรงไปตรงมา ย้ำกรมแพทย์ฯ ให้ข้อมูลกระท่อนกระแท่นไม่วางแผนประเมินเทคโนโลยี ยังไม่ฟ้องกลับ ไม่อยากก่อเวรต่อ ยอมรับเข้ามาเป็นกรรมการต้องเจอทั้งก้อนหินและดอกไม้
 

เมื่อวันที่ 18 มกราคม นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการและกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน กล่าวถึงกรณีที่หน่วยงานในสังกัดกรมการแพทย์ ออกมาตอบโต้ผลสรุปการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ แบบรายวันว่า การตรวจสอบของคณะกรรมการฯ มีหลักฐานชัดเจนทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ เอกสาร และบันทึกการถอดเทปการประชุมทุกครั้ง รวมถึงชี้แจงข้อมูลของผู้เกี่ยวข้องทุกราย ซึ่งเป็นหลักฐานที่ตรงไปตรงมาสามารถพิสูจน์ตรวจสอบได้ว่า คณะกรรมการฯ มีการทำงานเป็นอย่างไร มีเหตุผลในการชี้มูลทุกเรื่อง ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใดๆ ทั้งสิ้น
 
  นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการชี้มูลความผิดปกติของกรมการแพทย์นั้น คณะกรรมการฯ ได้สอบถามใน 2 ประเด็นหลัก คือ 1.มีแผนการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์อย่างไร มีแผนแม่บทหรือไม่ เครื่องมือแพทย์แต่ละชิ้นมีความจำเป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลที่ได้มา กรมการแพทย์ชี้แจงอย่างกระท่อนกระแท่น 2.มีการประเมินเทคโนโลยีเป็นระบบหรือไม่ ซึ่งคำตอบที่ได้คือกรมการแพทย์ ไม่มีการประเมินเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ ใช้เพียงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอ ที่สำคัญราคาจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ สิ่งก่อสร้างต่างๆของกรมการแพทย์ กลับมีราคาที่ต่างกัน เหลือมล้ำกันมากจนผิดปกติ  สิ่งที่คณะกรรมการฯ ชี้มูลไปนั้น หน่วยงานต่างๆ ก็ควรจะนำกลับไปศึกษาทบทวนความเหมาะสม
 
 “ประเทศไทยมีโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้วนสุขภาพ (HITAP) ที่มี นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ เป็นผู้อำนวยการ ถือเป็นหน่วยงานอิสระในสังกัดสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เป็นหน่วยงานประเมินเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ ซึ่งการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ราคาแพง ควรจะผ่านการประเมินผลจากHITAP ก่อนทุกครั้ง ซึ่งในกรมการแพทย์เองก็มีหน่วยงานลักษณะเดียวกันนี้อยู่ แต่กลับไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยอ้างว่า มีแผนแม่บทที่ร่างมาตั้งแต่สมัยเป็นโครงการเมกกะโปรเจกท์ และนำมาใช้ในโครงการไทยเข้มแข็งต่อ ซึ่งไม่ถูกต้องนัก เพราะลักษณะโครงการมีหลักการแตกต่างกัน การพิจารณาความเหมาะสมของโครงการไทยเข้มแข็งใหม่” นพ.วิชัย กล่าว
 
นพ.วิชัย กล่าวว่า ส่วนการที่กรมการแพทย์ออกมาชี้แจงเรื่องราวต่างๆนั้น ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่อยากให้นายกฯ ลงมาตรวจสอบกรณีที่กรมการแพทย์ ได้ซื้อสื่อโฆษณาชี้แจงโครงการไทยเข้มแข็งตามสื่อต่างๆ โดยให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน เป็นการกระทำที่ถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่ ทั้งนี้ตั้งข้อสงสัยว่า งบประมาณที่ใช้ซื้อสื่อคงไม่ใช่งบส่วนตัว เป็นงบของรัฐ ดังนั้น ถือเป็นการใช้เงินที่เหมาะสมหรือไม่
 
 นพ.วิชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 6 แจ้งความดำเนินคดีกับคณะกรรมการฯ ชุด นพ.บรรลุ กรณีผลสอบระบุว่า นพ.จักรกฤษณ์ มีพฤติกรรมกดดันให้โรงพยาบาลในเขต 6 จัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลตแบบระบบปิด (ยูวีแฟน) ราคาแพง 99,000 บาท นั้น ก็ให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งสาเหตุที่คณะกรมการฯ ชี้มูลความผิดปกติเรื่องนี้ เพราะมีหลักฐานพยานบุคคล ให้ข้อมูลว่า นพ.จักรกฤษณ์ ได้ขอร้องแกมบังคับโรงพยาบาลให้จัดซื้อยูวี แฟน จริง และเมื่อซื้อเครื่องมือนี้มาใช้ ก็พบปัญหาว่าอาจจะไม่ได้ประโยชน์ตามที่กล่าวอ้าง
 
 นพ.วิชัย กล่าวว่า ที่สำคัญ คือคณะกรรมการฯ ได้ขอข้อมูลจากบริษัทที่นำเข้าเครื่องชนิดนี้ ทั้งสเปกยูวี แฟน และใบรับรอง ใบรับประกันการนำเข้าสินค้าว่าเป็นสินค้านำเข้าจริง ทางบริษัทก็ได้ส่งรายละเอียดล่าช้ามากจนผิดสังเกต หรือแม้แต่แคตตาล็อกสินค้าที่ควรจะมีมาพร้อมกับยูวี แฟนที่ได้จัดซื้อมา ก็ยังเป็นฉบับสำเนาไม่ใช้แคตตาล็อกฉบับจริงอีก จึงทำให้บางเรื่องคณะกรรมการฯ ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ก็ได้เขียนไว้ในรายงานสรุปผลสอบว่า “เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบต่อไป” ซึ่งเป็นการตั้งข้อสังเกตเท่านั้น ไม่ใช่ข้อกล่าวหา ขณะที่ยูวีแฟน ที่บรรจุในโครงการไทยเข้มแข็ง ราคาเครื่องละ 40,000 บาทนั้น ก็ถือว่ายังเป็นราคาที่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับยูวีแฟน ที่สถาบันโรคทรวงอก ได้ผลิตเอง มีราคาต้นทุนเพียง 4,900 บาท เท่านั้น และเมื่อปรับปรุงวัสดุมาใช้พลาสติก ก็ลดราคาลงมาเหลือ เครื่องละ 2,000 กว่าบาทเท่านั้น
 
 “คณะกรรมการชุดนี้ที่นายกฯ แต่งตั้งขึ้น เป็นเพียงคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่ใช้คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ดังนั้นเมื่อพบอะไรผิดปกติก็ชี้มูลให้ทราบ ซึ่งในสรุปผลสอบ ก็ได้ชี้มูลความผิดปกติจำนวนมากนับ 100 จุด ซึ่งต่อไป ก็เป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่ต้องตรวจสอบว่า กรมการแพทย์ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องหรือไม่ ” นพ.วิชัย กล่าว
 
เมื่อถามว่า กรณีการถูกฟ้องร้องคณะกรรมการฯ เพิ่มขึ้นอีก นพ.วิชัย กล่าว่า ไม่กังวลว่าจะถูกฟ้อง รู้อยู่แล้วว่า ถ้าเข้ามาทำงานเรื่องนี้ต้องเจ็บตัว มีทั้งดอกไม้ และก้อนหิน ซึ่งตนก็ไม่ได้อาสาเข้ามาเป็นกรรมการตรวจสอบฯ เอง แต่นพ.บรรลุ ศิริพานิช ได้มาทาบทามตนให้มาช่วยทำงาน เมื่อตอบรับแล้วตนก็มีทางเลือกอยู่ 2 ทางเท่านั้น คือ 1.สอบแล้วไม่พบอะไรเลย กับ 2.สอบแล้วผลออกมาอย่างไรก็ว่ากันตรงไปตรงมา ตนทำตามหน้าที่มาตั้งแต่ต้น ที่นพ.บรรลุ ได้มอบหมายให้เป็นโฆษกของคณะกรรมการฯ ก็มีหน้าที่ชี้แจงความคืบหน้า ข้อเท็จจริงต่างๆ

“ก่อนแถลงข่าวสรุปผลสอบ คณะกรรมการฯ ได้เข้าพบท่านนายกฯ เพื่อรายงานผล ซึ่งท่านก็ได้ซักถามว่าควรเป็นเอกสารลับหรือไม่ ซึ่งก็ได้แจงกับท่านว่า ไม่ควรเป็นเอกสารลับ ประชาชนควรได้รับรู้ ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร และเรียนให้ทราบว่าจะมีการแถลงข่าว ซึ่งในคณะกรรมการฯ มีนักกฎหมายอยู่ด้วย 3 คน ได้พิจารณาความเหมาะสม และมีดุลพินิจแล้วว่า โครงการไทยเข้มแข้ง เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจจับตามอง เมื่อตรวจสอบเสร็จ ก็ควรจะแถลงข่าวให้สังคมได้รับรู้ ดังนั้น หากคณะกรรมการฯ ทำอะไรผิด หรือไม่ถูกต้อง ท่านนายกฯ ก็ต้องตำหนิ ว่ากล่าว ตักเตือน คณะกรรมการฯ พร้อมรับผิดชอบอยู่แล้ว” นพ.วิชัย กล่าวว่า
 
 ต่อข้อถามว่า ขณะนี้มีกลุ่มคนขุดคุ้ยประวัติการทำงาน และเรื่องส่วนตัวของคณะกรรมการฯ หวังดิสเครดิตความน่าเชื่อถือของคณะกรรมการฯ นพ.วิชัย กล่าวว่า ไม่เป็นไร ประวัติเป็นเรื่องปกปิดไม่ได้ ยิ่งในสังคมข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันเชื่อมถึงกัน แต่ไม่อยากให้สังคมหลงประเด็น โครงการไทยเข้มแข็งมีความผิดปกติ ไม่ชอบมาพากลอยู่จริง แต่หากคณะกรรมการฯ มีความบกพร่อง หรือละเมิดใครก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน
 
ต่อข้อถามว่า คณะกรรมการฯ จะเปิดแถลงข่าวชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ หรือไม่ นพ.วิชัย กล่าวว่า คณะกรรมการฯ คงจะไม่มีการแถลงข่าวอีก แต่ตนได้รับมอบหมายจากนพ.บรรลุ ให้เป็นโฆษกคณะกรรมการฯ ก็มีหน้าที่ชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ อยู่แล้ว 
 
ต่อข้อถามว่าจะมีการฟ้องกลับหรือไม่ นพ.วิชัย กล่าวว่า ขอดูก่อน ปกติมีแต่คนมาฟ้องร้องตน แต่การที่ตนจะไปฟ้องร้องใครเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนัก ไม่อยากก่อเวรต่อ บางเรื่องอโหสิกรรมได้ก็จะทำ
กำลังโหลดความคิดเห็น