xs
xsm
sm
md
lg

“อาหารเสริมลดน้ำหนัก-กาแฟลดอ้วน” ติดชาร์ตผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย ยอดถูกจับพุ่งเท่าตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เผยปี 2552 พบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วน ยาลดความอ้วนผิดกฎหมาย ถูกดำเนินคดีถึง 254 คดี สูง 2 เท่าจากปีก่อน ส่วนเด็กกรุงเทพฯ ติดแชมป์อ้วนถึงร้อยละ 20 เตรียมติดอาวุธทางปัญญาให้ผู้บริโภค เน้นย้ำความเข้าใจ อาหารไม่ใช่ยา เตรียมจัดประชุมนานาชาติแก้ปัญหาภาวะน้ำหนักเกิน

ในการแถลงข่าว อย.เผยสถิติตรวจจับ “ยาลดความอ้วน ไร้มาตรฐานปี 52 ยอดพุ่งเท่าตัว” “อาหารเสริมลดน้ำหนัก และกาแฟลดความอ้วน” ติดชาร์ตท็อปฮิต โดย น.ส.จิตรา เศรษฐอุดม นักวิชาการอาหารและยา ระดับ 9 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยในแต่ละช่วงอายุประสบปัญหาภาวะโรคอ้วน ทำให้ผู้บริโภคมุ่งหาทางแก้ด้วยการรับยาลดความอ้วน แต่จากการควบคุมอย่างเนื่องของ อย.ทำให้ผลิตภัณฑ์ยาลดความอ้วนที่ผิดกฎหมายลดลง แต่กลับพบยาลดความอ้วนแฝงในรูปของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วน ทั้ง ชา กาแฟลดความอ้วน ซึ่ง อย.เตรียมติดอาวุธทางปัญญาให้แก่ผู้บริโภคด้วยการให้ความรู้และเน้นย้ำว่า อาหารไม่ใช่ยา กินเพื่อประโยชน์ของร่างกาย การที่อวดอ้างว่าสามารถลดความอ้วนได้นั้น ผู้บริโภคยิ่งต้องตระหนัก เพราะโดยปกติหากเป็นยาลดความอ้วนต้องผ่านการรับรองจาก อย. และการบริโภคต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์ ผู้ประกอบการก็ต้องมีจิตสำนึกไม่แสวงหาแต่ผลกำไร

น.ส.จิตรากล่าวว่า จากข้อมูลของการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อลดน้ำหนัก พบว่าส่วนใหญ่ปรากฎทางอินเทอร์เน็ต และผ่านระบบไปรษณีย์ ในปี 2552 อย.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมและดำเนินคดีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนที่ผิดกฎหมายอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงและไม่ได้รับอนุญาตถึง 254 คดี เป็นยาลดความอ้วน 17 คดี อาหารเสริม 237 คดี เพิ่มจากปี 2550 ที่มีคดีทั้งสิ้น 185 คดี แบ่งเป็นอาหารเสริม 160 คดี ยาลดความอ้วน 25 คดี พบว่าอัตราการกระทำผิดเพิ่มถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังพบลักลอบการโฆษณาอุปกรณ์ลดความอ้วน ซึ่งในความเป็นจริง อย.ไม่เคยอนุญาตให้มีการโฆษณาอุปกรณ์ดังกล่าว เพราะในการลดความอ้วนทั้งการรับประทานยาและใช้อุปกรณ์ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์

ศ.เกียรติคุณ พญ.ชนิกา ตู้จินดา ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลล่าสุดพบอัตราเด็กไทยอายุต่ำกว่า 6 ปี อ้วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 และในเขต กทม.บางโรงเรียนมีอัตราเด็กอ้วนถึง ร้อยละ 20 และ25 และยังพบว่ามีแนวโน้มที่เด็กไทยจะอ้วนมากขึ้น ซึ่งในอนาคตก็ส่งผลให้ประเทศไทยมีประชากรที่ประสบปัญหาภาวะโรคอ้วนมากยิ่งขึ้น และเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจและหลอดเลือด ยิ่งในขณะนี้วัยรุ่นนิยมกระแส ผอมขาว หน้ากลม ผมม้า ตาโต ที่เป็นเทรนเกาหลี เกรงว่าเด็กไทยจะหลงเชื่อและนิยมบริโภคยาลดความอ้วนและอาหารเสริมมากยิ่งขึ้น ดังนั้นต้องส่งเสริมการออกกำลังกาย เพิ่มพื้นที่กิจกรรมให้กับวัยรุ่นเพื่อได้ใช้แสดงออก และผู้ปกครอง โรงเรียนควรมีส่วนร่วมชี้แนะการบริโภคอาหารที่ถูกต้อง ปราศจากไขมัน และน้ำตาลที่สูงเกินความจำเป็นของร่างกาย

ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 4-6 ก.พ. 2553 สสส.ร่วมกับเครือข่ายจัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ “Obesity Summit Thailand 2010” ที่ รร.เซ็นทารา แกรนด์ แอนด์ บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แอทเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อหาแนวทางร่วมกับนานาชาติในการแก้ไขปัญหาภาวะน้ำหนักเกิน อ้วนลงพุง
กำลังโหลดความคิดเห็น