สธ.ดีเดย์ 11 ม.ค.ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แบบสมัครใจให้กลุ่มเสี่ยงหญิงตั้งครรภ์กลุ่มแรก ให้บริการได้ทั้ง รพ.รัฐ-เอกชน ไม่เสียค่าวัคซีน แต่ต้องเซ็นยินยอมไม่เรียกร้องหรือฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญาหากได้รับอันตรายจากวัคซีน ขณะที่ในรอบสัปดาห์มีผู้เสียชีวิตหวัดใหญ่ 2009 เพิ่ม 2 ราย
วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานเปิดการประชุมแนวทางการดำเนินงานให้บริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้แก่ผู้รับผิดชอบงานให้บริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ทั้งโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป สำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ กทม. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความเข้าใจการให้บริการวัคซีนแก่ประชาชน
โดน นพ.มานิต กล่าวว่า จะเริ่มให้บริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ใหญ่ 2009 ในวันที่ 11 มกราคม ถึงมีนาคม 2553 สำหรับ 5 กลุ่มเสี่ยงป้าหมาย คือ 1.หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์มากกว่า 3 เดือน 2.ผู้เป็นโรคอ้วนน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกาย (บีเอ็มไอ) ตั้งแต่ 35 ขึ้นไป 3.ผู้พิการรุนแรงที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ 4.บุคคลอายุ 6 เดือน-64 ปี ที่มีโรคประจำตัว 10 โรค ได้แก่ โรค ปอดอุดกั้นเรื้อรัง 2.หอบหืด 3.โรคหัวใจทุกประเภท 4.หลอดเลือดสมอง 5.ไตวาย 6.ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในระหว่างการให้เคมีบำบัด 7.ทาลัสซีเมียรุนแรง 8.ภูมิคุ้มกันบกพร่อง 9.ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีโรคแทรกซ้อน และ 10.ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน รวมถึงบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้า รวมทั้งหมดประมาณ 2.8 ล้านคน โดยสั่งซื้อวัคซีนจากบริษัท ซาโนฟี ปาสเตอร์ จำกัด 2 ล้านโดส ทยอยเดินทางมาถึงในปลายธันวาคมนี้ และจะเสนอขอคณะรัฐมนตรี (ครม.) สั่งซื้อเพิ่มอีก 8 แสนโดส เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด
นพ.มานิต กล่าวต่อว่า แนวทางให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้กระจายในวัคซีนให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4-8 มกราคม 2553 โดยทุกโรงพยาบาลจะต้องมีการรายงานกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับวัคซีนให้ทางกรมควบคุมโรครับทราบก่อนวันที่ 11 มกราคม 2553 พร้อมให้มีการรายงานติดตามผลการใช้วัคซีนให้กับกรมควบคุมโรครับทราบผลเพื่อประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ
นพ.มานิต กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในรอบสัปดาห์มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มขึ้น จำนวน 2 ราย เป็นหญิงอายุ 47 ปี จังหวัดเชียงใหม่ และหญิงอายุ 56 ปี จังหวัดบุรีรัมย์ รวมมียอดผู้เสียชีวิตสะสมรวม 189 ราย
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับกลุ่มแรกที่จะได้รับวัคซีน คือกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน เนื่องจากมีหญิงตั้งครรภ์/ไปฝากครรภ์ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่เหลือสามารถเข้ารับบริการวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลของรัฐ โดยค่าใช้จ่ายให้คิดค่าบริการตามสิทธิการรักษาพยาบาลของแต่ละบุคคล ยกเว้นค่าวัคซีนซึ่งจะไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนโรงพยาบาลเอกชน อาจจะต้องเสียการบริการทางการแพทย์
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า การให้บริการฉีดวัคซีนกับประชาชนจะคำนึงถึงความปลอดภัยมากที่สุด ดังนั้น เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องมีการแจ้งให้ผู้ที่จะฉีดวัคซีนเข้าใจด้านความปลอดภัยและผลที่จะได้รับ เช่น ข้อห้ามในการฉีดวัคซีน เช่น ผู้ที่แพ้ไข่ หรือมีประวัติแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่รุนแรง จะไม่สามารถรับวัคซีนได้ ผลข้างเคียงของวัคซีนที่จะเกิดขึ้นได้ และผู้ป่วยต้องมีการเซ็นยินยอมรับทราบในการฉีดวัคซีน โดยมีการให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน โดยจะไม่สามารถเรียกร้องหรือฟ้องร้องดำเนินคดีในทางอาญา และแพ่ง ต่อเจ้าหน้าที่และส่วนราชการได้
“ในการฉีดวัคซีนทุกครั้ง บุคคลากรจะต้องดูแลผู้ป่วยหลังได้รับวัคซีนอีก 30 นาที เพื่อสังเกตอาการว่ามีการแพ้หรือไม่ เพื่อความปลอดภัย และผู้รับวัคซีนจะต้องสังเกตอาการของตนเองด้วย หากมีอาการไม่พึ่งประสงค์ให้เร่งแจ้งแพทย์ทันที อย่างไรก็ตาม ผลของการรับวัคซีนในสหรัฐอเมริกาซึ่งรัฐให้บริการฉัดวัคซีนแล้วกว่า 60 ล้านคน ได้ผลดีน่าพอใจ พบว่ามีเป็นส่วนน้อยที่มีการแพ้วัคซีน ซึ่งรายที่เสียชีวิตเมื่อสอบสวนโรคก็พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่ได้มาจากวัคซีน” นพ.โอภาส กล่าว