“ปฐมพงษ์” จี้ รบ.ออกเป็นมติ ครม.หามาตรการป้องกันไอ้โม่งยิง เอ็ม 79 กลางกรุงซ้ำซาก มั่นใจป่วนชุมนุมพันธมิตรฯ ที่สนามหลวง เป็นระเบิดเอ็ม 79 แบบเจาะเกราะ หมายเอาชีวิต “สนธิ” แนะทัพบกส่งผู้เชี่ยวชาญร่วมมือตำรวจหาข้อมูล เหน็บ “บิ๊กบัง” ปฏิวัติเสียแรงเปล่าเพราะไม่จัดการทำอะไรให้เด็ดขาด
พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองทัพไทย และประธานองค์กรอุณาโลม ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ถึงกรณีที่ คนร้ายใช้ปืนยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มาชุมนุมแสดงพลังรักชาติ บริเวณสนามหลวงว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก ที่ผ่านมาไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้สักครั้ง อย่าลืมว่าการชุมนุมอย่างสงบเป็นสิทธิของประชาชนที่กฎหมายรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ ดังนั้น รัฐบาลต้องออกมาเป็นมติ ครม.ในการดูแล แล้วให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาดูแลป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก หากสุดวิสัยเข้มงวดในมาตรการความปลอดภัยแล้ว แต่ไม่สามารถป้องกันได้ อย่างน้อยจะต้องสืบหาข้อมูลตอบสังคมให้ได้ว่าใครทำอะไรตรงไหน เพราะการยิงศาลรัฐธรรมนูญ การยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือล่าสุดการยิงเอ็ม 79 ซึ่งงานข่าวมีความสำคัญมาก แต่หน่วยงานต่างละเลยไม่เอาใจใส่ ไม่ได้มาดูแลความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุม
พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับตนความจริงไม่ได้เกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ เพราะไม่อยากไปยุ่งกับการเมือง การที่ตนไปร่วมชุมนุมเนื่องจากเป็นประธานองค์กรอุณาโลม อีกอย่างเขาได้เชิญให้มาร่วมในการถวายความจงรักภักดี ทำให้ต้องไป และพอเกิดเหตุประชาชนก็บอกให้ตนไปดูที่เกิดเหตุ ก็พบว่าเป็นระเบิดไม่ใช่ประทัดยักษ์ ลูกน้องตนไปเก็บสะเก็ดมารู้เลยว่าเป็นระเบิดเอ็ม 79 แบบเจาะเกราะ เรื่องนี้กระทรวงกลาโหมและกองทัพมีผู้เชี่ยวชาญต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปให้ความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หาข้อมูลว่ายิงมาจากไหน ยิงมาจากรถกระบะได้หรือไม่ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าคนร้ายทำงานกันเป็นทีม และมีเป้าหมายหวังเอาชีวิตนายสนธิ ลิ้มทองกุล
เมื่อถามว่า ตอนนี้สถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับรัฐบาล ใครได้เปรียบ พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จำกัดด้วยเวลา เพราะมีคำพิพากษา เกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเร่งกดดันไม่ให้รัฐบาลทำงานต่อไป ไม่ให้มีการตัดสิน ที่ทำให้เขาเสียเปรียบ ซึ่งเรื่องมันเสียหายตั้งแต่ 19 ก.ย.เพราะไม่จัดการทำอะไรให้เด็ดขาด ส่วนปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา เรื่องนี้แก้ไม่ยากหากรัฐบาลเอาใจใส่ สิ่งแรกที่ต้องทำรัฐบาล และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ต้องเรียกประชุมและตั้งคำถามขึ้นมาว่าเกิดอะไรขึ้น กองทัพต้องสร้างกำลังให้เข็มแข็ง เตรียมพร้อมไว้ทุกสถานการณ์ แม้การประสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะเป็นหน้าที่ของ กระทรวงการต่างประเทศ แต่กองทัพต้อง หนุนหลัง ต้องแสดงออกให้เขาเกิดความเกรงใจ ไม่เช่นนั้นเผลอๆ เขาจะมาลอบกัด