คกก.สอบโกง SP2 ได้ฤกษ์เชิญบิ๊ก สธ.เรียก “มานิต-หมอไพจิตร์” พร้อม ผอ.สำนัก อีก 2 คน มีชื่อเอี่ยวตามเอกสารสั่งซื้อยูวีแฟน สอบจันทร์นี้ ขณะที่ “วิทยา” รอเข้าคิวอีก 2 สัปดาห์ “หมอวิชัย” เผยผลสอบคืบกว่า 80% ลั่นส่งผลเกิดการเปลี่ยนแปลงชัวร์
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จะเร่งให้คณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.ภายใต้ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2553-2555 ที่มี นพ.สถาพร วงศ์เจริญ รองปลัด สธ.เร่งดำเนินการโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.ในส่วนที่เป็น พ.ร.ก.จำนวนงบประมาณ 1.15 หมื่นล้านบาท ให้เสร็จสิ้นทันภายในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ตามระยะเวลาที่กระทรวงการคลัง เป็นผู้กำหนดเพื่อให้ทันต่อการจัดสรรงบประมาณ เนื่องจากทราบมาว่าในส่วนของกระทรวงอื่นๆ ได้จัดทำเรื่องส่งกระทรวงการคลังไปแล้ว
“ส่วนโครงการไทยเข้มแข็งระยะที่ 2 ของ สธ.จำนวนงบประมาณกว่า 8.6 หมื่นล้านบาทนั้น จะทำหนังสือถามถึง นพ.บรรลุ ศิริพานิช ในฐานประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของตรวจสอบ เพื่อเร่งให้ผลการดำเนินการตรวจสอบออกมาเร็วขึ้น” นายวิทยา กล่าว
นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการและกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อให้ข้าราชการ สธ.เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมในวันที่ 30 พ.ย.นี้ อีก 3 คน คือ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ., นพ.สุชาติ เลาบริพัตร อดีตผู้อำนวยการสำนักบริการสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) และ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายยุทธศาสตร์ (สนย.) ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่มีชื่อปรากกฎในหนังสือราชการที่ระบุว่าการสั่งซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลต (ยูวี แฟน) เป็นนโยบายของ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ. แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าทั้ง 3 คนสะดวกหรือไม่
“นพ.ศุภกิจ และ นพ.สุชาติ ถือเป็นการเข้าให้ถ้อยคำเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการได้สอบถามเรื่องการสั่งซื้อยูวีแฟนมาแล้ว แต่เนื่องจากช่วงนั้น ยังไม่พบเอกสารสำคัญฉบับนี้ จึงจำเป็นต้องเรียกมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติม โดยเฉพาะ นพ.สุชาติ จำเป็นต้องสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของหนังสือดังกล่าว ว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร และทำไมถึงไม่เคยให้หนังสือฉบับนี้กับคณะกรรมการด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการได้สอบถามเรื่องนี้อย่างมาก เจ้าหน้าที่ถอดเทปได้ความยาว 30-40 หน้ากระดาษ” นพ.วิชัย กล่าว
นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้ประสานไปยัง นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ.เข้าให้ข้อมูลด้วย โดยให้นายมานิต เลือกวันที่สะดวกมาให้ข้อมูลเอง ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-2 ธ.ค.นี้ เนื่องจากคณะกรรมการฯ เคยเชิญมาให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่นายมานิตไม่สะดวกติดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ส่วนกรณีของนายวิทยา คณะกรรมการฯ ยังไม่มีกำหนดเชิญมาให้ข้อมูลในสัปดาห์หน้า แต่อาจจะเชิญมาให้ข้อมูลอีก 2 สัปดาห์แทน
“การตรวจสอบมีความคืบหน้ามากกว่า 80% แล้ว ทั้งในแง่การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ สรุป และเขียนรายงานผลการตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในโครงการไทยเข้มแข็งอย่างแน่นอน เพราะมีความชัดเจนว่ามีความไม่เหมาะสมอยู่ แต่คณะกรรมการฯ จะไม่ชี้ชัดว่าควรตัดครุภัณฑ์รายใดต่อ หรือต้องเปลี่ยนแปลงอะไร จะเป็นภาพรวมของโครงการว่าอะไรไม่เหมาะสม อะไรถูกต้อง ส่วนอำนาจการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงต้องขึ้นอยู่กับ สธ.ว่าจะแก้ไขหรือไม่” นพ.วิชัย กล่าว
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.กล่าวว่า ตนยินดีเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการฯ เพราะไม่มีอะไรที่น่าห่วง และจะพยายามให้ข้อเท็จจริงให้มากที่สุด สำหรับเอกสารที่หลุดออกมาและมีลายเซ็นของปลัด สธ.กำกับด้วยนั้นตนไม่ขอตอบตอนนี้ แต่จะให้ข้อมูลกับทางคณะกรรมการเท่านั้น