xs
xsm
sm
md
lg

เภสัชชนบท จี้ “วิทยา” ถอนทะเบียน 4 ตำรับ ยาไม่เหมาะสม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
กพย.เตือนคนไทยกินยาไม่ตรงกับโรค บรรจุภัณฑ์-สรรพคุณยาล้าหลัง ทำประชาชนสับสน อันตรายต่อสุขภาพ “ประธานชมรมเภสัชชนบท” จี้อย. ทบทวนระบบการขึ้นทะเบียนยาใหม่ เสนอถอนทะเบียนยา 4 รายการ

วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ รร.ทวินทาวเวอร์ แผนงานสร้างกลไกลเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) ร่วมกับ สำนักงานสนับสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุม “การพัฒนาระบบการทบทวนทะเบียนตำรับยา” ซึ่งภายในงานมีการอภิปรายเรื่อง “สภาพปัญหาทะเบียนตำรับยาที่พบในประเทศไทย” โดย ผศ.ดร.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี หน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์สังคม (วจภส.) กล่าวว่า ประเทศไทยประสบปัญหาการใช้ยาไม่เหมาะสม ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาของระบบการขึ้นทะเบียนตำรับยาที่ยังล้าหลัง ไม่ทันสมัย ซึ่งจากการสำรวจ พบว่า มียาจำนวนมากที่มีสูตรยาไม่เหมาะสมต่อการใช้ในปัจจุบัน เช่น ยาปฏิชีวนะบางรายการที่ยังมีการบรรจุในรูปแบบซอง ส่งผลต่อความคงตัวของยา ทำให้ยาเสื่อมคุณภาพได้เร็ว ขณะที่บางรายการมีลักษณะของขวดใส่ยา กล่องบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งชื่อทางการค้าที่เหมือนกัน แต่กลับมีตัวยาคนละชนิด ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เข้าใจผิด รับประทานยาแล้วแต่กลับไม่หาย โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นผลจากการใช้ยาไม่ตรงกับโรค และเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพ

ผศ.ดร.ภญ.นิยดา กล่าวว่า ระบบการขึ้นทะเบียนตำรับยาที่ไม่ทันสมัย เนื่องจาก ยาบางรายการได้รับการขึ้นทะเบียน ตั้งแต่ ปี 2526 และถูกจัดไว้ในกลุ่มยาทะเบียนตลอดชีพ โดยไม่ต้องต่อทะเบียน ซึ่งยาเหล่านี้ อาจไม่เหมาะสมต่อการใช้ยาในปัจจุบัน ดังนั้น จึงควรมีการเปลี่ยนระบบการขึ้นทะเบียนตำรับยาใหม่ ให้มีการต่ออายุทุกๆ 5 ปี แทนการขึ้นทะเบียนยาตลอดชีพ รวมทั้งให้มีระบบการทบทวนรายการยาที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ให้มีประสิทธิภาพ

ภญ.ดาริน จึงพัฒนาวดี ประธานชมรมเภสัชชนบท กล่าวว่า ปัจจุบันมียาที่ไม่เหมาะสมถูกขึ้นทะเบียนเป็นจำนวนมาก โดยยาบางชนิด ไม่ควรรับประทานคู่กัน แต่ถูกผสมลงในเม็ดยาเดียวกัน เช่น ยาแก้ไอและยาแก้หวัด ทั้งที่ยาทั้ง 2 ชนิดมีสรรพคุณในการรักษาโรคต่างกัน เช่น ยาแก้ไอจะช่วยบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ขณะที่ยาแก้หวัดจะมีผลทำให้เสมหะมีความข้น เหนียวมากขึ้น และเมื่อถูผสมลงในเม็ดยาเดียวกัน หากผู้ป่วยมีอาการหวัดและไอพร้อมกัน จะส่งผลให้ผู้ป่วยไอมากขึ้น เนื่องจากเสมหะที่ข้นขึ้น

ภญ.ดาริน กล่าวว่า ชมรมเภสัชชนบทขอเสนอให้ อย.เพิกถอนทะเบียนตำรับยาที่ไม่เหมาะสม 4 รายการ คือ 1.ยาแอสไพรินสำหรับเด็ก เนื่องจากมีข้อบ่งชี้ ห้ามใช้ยาลดไข้แอสไพรินในเด็กและวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมทั้งสตรีที่ให้-นมบุตรโดยเด็ดขาด เพราะอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอาการ รายย์ ซินโดรม (Reye’s syndrome) ขณะที่ อย.เองก็ออกประกาศห้ามขายยาแอสไพรินในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่ก็ยังเห็นวางขายกันทั่วไป โดยเฉพาะยาแก้หวัดชนิดผงยี่ห้อดัง 2.ยาล้างไต ที่มีส่วนผสมของสารที่ให้สี โดยระบุว่า มีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ ผู้ใช้หลงเชื่อ คิดว่าตัวยานี้ช่วยล้างไต อีกทั้งยังมีการนำมาใช้ผิดประเภท เช่น ผู้ที่ใช้สารเสพติด ที่ต้องการให้ปัสสาวะมีสีอื่นแทนม่วง

ประธานชมรมเภสัชชนบท กล่าวว่า ข้อ 3.ยาแก้ท้องเสียที่ผสมยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อได้รับยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น และส่งผลให้เกิดการดื้อยาในอนาคตได้ จึงควรจะแยกออกตัวยาปฏิชีวนะออกจากกัน และ 4.ยาปฏิชีวนะชนิดผงบรรจุซอง ซึ่งแม้บริษัทผู้ผลิตจะเลิกผลิตไปแล้ว แต่ อย.ก็ควรประกาศถอนทะเบียนตำรับยา เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทยากลับมาผลิตอีกภายหลัง ทั้งนี้ อย.ควรปรับระบบพิจารณาการขึ้นทะเบียนยาใหม่ทั้งระบบ ซึ่งนอกจากจะพิจารณาเรื่อง สรรพคุณและความปลอดภัยของยาแล้ว จะต้องมีกระบวนการติดตามหลังจากได้รับขึ้นทะเบียนแล้ว เช่น รูปแบบของแพกเกจยา ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากการใช้ยาที่ถูกต้อง


กำลังโหลดความคิดเห็น