“จุรินทร์” ย้ำ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ เปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถระดมทรัพยากรได้ตามความสมัครของผู้ปกครอง ในกรณีที่โรงเรียนจัดบริการทางการศึกษาที่จัดเสริมให้นอกเหนือจากการเรียนการสอนตามปกติ เผยศาลปกครองกลางไม่รับฟ้องกรณีผู้ปกครองร้องโรงเรียนเก็บเงินค่าบำรุงการศึกษา
วันนี้ (21 พย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา (บดินทร์ 3) ร้องเรียนเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษาของโรงเรียนที่มิชอบว่า ผู้ปกครองรายนี้ได้เคยนำเรื่องดังกล่าวไปฟ้องศาลปกครองกลางแล้วว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว
โดยได้รายงานเบื้องต้นพบว่า ศาลปกครองกลางไม่รับฟ้องคดีนี้ เพราะศาลพิจารณาแล้วว่า การดำเนินการของโรงเรียนเป็นในลักษณะของการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ในบริการการศึกษาที่จัดเสริมให้พิเศษนอกเหนือจากการเรียนการสอนตามปกติ ซึ่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฯ ได้เปิดโอกาสให้ระดมทรัพยากรในกรณีเช่นนี้ได้ เพียงแต่ต้องเก็บตามความสมัครใจและต้องไม่รอนสิทธิ์ของนักเรียนปกติ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่าผู้ปกครองรายนี้ไปร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งศาลจะพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป และจะได้นำคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางมาใช้เป็นบรรทัดฐาน
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สพฐ.มีการทำความเข้าใจในเรื่องนี้กับผู้ปกครองเป็นระยะ แต่เมื่อมีข้อสงสัยใดๆ เกิดขึ้น ก็พร้อมให้ สพฐ.ตรวจสอบเป็นรายกรณี อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าสถานศึกษาสามารถระดมทรัพยากรได้ คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตีความว่า โรงเรียนสามารถเรียกเก็บเงินได้ตามความสมัครของผู้ปกครอง ในกรณีที่โรงเรียนจัดบริการทางการศึกษานอกเหนือมาตรฐาน เช่น จ้างครูต่างประเทศมาสอนภาษาอังกฤษ หรือ ค่าเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น แต่ไม่ใช่ว่าโรงเรียนจะเรียกเก็บได้โดยไม่มีขอบเขต หรือทำตามอำเภอใจ ทุกอย่างต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้ ซึ่งได้ลงนามไปแล้ว โดยระบุชัดเจนว่า โรงเรียนจะเก็บค่าอะไรได้บ้างและเก็บได้ไม่เกินเท่าใด
ทั้งนี้ หากผลการตรวจสอบของ สพฐ.ออกมาว่าโรงเรียนทำผิดนโยบาย ก็ต้องดำเนินการไปตามความผิด แต่ถ้าไม่ผิด โรงเรียนก็สามารถเก็บต่อได้ ซึ่งการระดมทรัพยากรจะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษา เพราะงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามปกติ ไม่เพียงพอสำหรับการยกระดับโรงเรียนในเรื่องดังกล่าว