นายกฯ อภิสิทธิ์ ยันทำตามรัฐธรรมนูญ ม.67 ผ่าน 67 โครงการมาบตาพุด เชื่อไม่กระทบต่อชุมชน ระบุ รอดูศาลวินิจฉัยอีกครั้ง ยอมรับห่วงนักลงทุนย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น วอนศาลเร่งวินิจฉันทำความชัดเจนนักลงทุนต่างชาติ
วันนี้ (5 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดกรณีที่ศาลปกครองกลางสั่งคุ้มครองชั่วคราวนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดว่า ได้ยื่นอุทธรณ์ไปในโครงการที่อนุมัติไปแล้ว เพราะรัฐบาลถือว่าได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง เพราะโครงการที่อนุญาตไปนั้นใช้ตัววิเคราะห์สิ่งแวดล้อมเป็นเกณฑ์ว่าไม่ใช่โครงการที่มีผลกระทบกับชุมชนอย่างรุนแรง แต่ต้องดูและรอศาลวินิจฉัยอีกครั้ง ขณะเดียวกันตนขอให้หน่วยงานต่างๆ เดินหน้ารองรับรัฐธรรมนูญมาตรา 67 นี้ด้วยใน กรณีที่มีผลกระทบรุนเเรงกับชุมชน
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนการเร่งรัดให้มีองค์กรอิสระขึ้นมาดูแลสิ่งแวดล้อมนั้น รัฐบาลได้ทำมา 2-3 เดือนแล้วก็พยายามทำอยู่แต่ที่ยังช้าอยู่ เพราะมีความเห็นแตกต่างอยู่ว่าลักษณะองค์กรอิสระนั้นคืออะไร เช่น ครั้งเเรกสอบถามสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ได้คำตอบมาว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นองค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นด้วยกฎหมายเป็นองค์กรเฉพาะ เพราะสามารถใช้องค์กรใดก็ตามที่ไม่ได้ขึ้นต่อฝ่ายบริหาร ซึ่งก็ให้เข้ามาอยู่ในกติกาหรือขบวนการของผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่บางฝ่ายอยากได้ลักษณะที่มีกฎหมายขึ้นมาดูแลองค์กรนี้
เมื่อถามว่า เป็นห่วงการนักลงทุนจะย้ายฐานการผลิตออกจากไทยหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่า นักลงทุนพร้อมย้ายไปลงทุนในเวียดนามแล้ว นายกฯ กล่าวว่า เป็นห่วง และได้ทำความเข้าใจกับเอกชนมาตลอดว่ากติกาบ้านเมืองเป็นเช่นใด และรัฐบาลจะดูแลให้ชัดเจนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เรื่องกฎหมายนั้นต้องเข้าใจว่าคนชี้ขาดลำดับสุดท้าย คือ ศาล ส่วนอุตสาหกรรมบางประเภทตนได้ให้ทบทวนแล้วว่าไทยต้องการหรือไม่เพราะดูแล้วหลายชุมชนไม่อยากมี หากไปตั้งโรงงานก็อาจเป็นปัญหา หากเราทำตรงนี้ต้องรู้ด้วยว่าเราเสียโอกาสเรื่องแบบนี้ไปแล้วจะได้สิ่งใดตอบแทน เมื่อถามว่าจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ออกไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในตอนนี้ในลักษณะอุตสาหกรรมหลักที่จะมีผลกระทบนั้นยังไม่ มีการอนุญาต เพราะมันต้องผ่านการวิเคราะห์ด้านต่างๆ
เมื่อถามว่า แผนสำรองที่เตรียมไว้ในกรณีที่เงินการลงทุนหลายไป 4 แสนล้านบาท จะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเงินจะหายไปขนาดนั้น แต่เราต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน แต่ไม่ว่าอย่างไรนั้นใจของตนอยากให้ศาลเร่งวินิจฉัยออกมา หากวินิจฉัยแล้วรัฐบาลจะมีความชัดเจนและแนวปฏิบัติออกมา โดยทุกอย่างจะง่ายขึ้น เมื่อถามว่าหากศาลปกครองสูงสุดยืนคำสั่งตามศาลปกครองกลาง จะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร นายกฯกล่าวว่า ต้องเร่งรองรับเพื่อให้กติกาที่จะทำให้ทุกฝ่ายทำตามกติกา คือ รัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสองคือหากวินิจฉัยว่าเกือบทุกโครงการเข้าข่ายนั้นต้องมีกระบวนการใดๆ ออกมาให้เร็วที่สุด