xs
xsm
sm
md
lg

โยกบิ๊ก ศธ.พลิกโผสุดๆ “ชินภัทร” ม้ามืดนั่งเก้าอี้ สพฐ. “เฉลียว” เป็นปลัดฯ แทน “พรหมสวัสดิ์” คุมอาชีวะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชินภัทร ภูมิรัตน
พลิกโผ! “ชินภัทร” ม้ามืดนั่งเลขาฯ กพฐ. “เฉลียว” แทน “พรหมสวัสดิ์” เข้าวินขึ้นนั่งอาชีวะ “จุรินทร์” ย้ำเพื่อความเหมาะสม และแก้ปัญหา ชี้โยกเฉลียวตามความต้องการของเจ้าตัว ด้าน “ชินภัทร” ฟุ้งอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ เชื่อโดนโยกเพราะความจำเป็น เห็นความเหมาะสม หวานคนสพฐ.มีพลังการทำงาน เพียงเข้าไปเป็นหัวเท่านั้น

วันนี้ (10 พ.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. ได้เห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 11 และระดับ 10 จำนวน 8 คน ตามที่ ศธ.เสนอ ดังนี้ 1. นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัด ศธ. เป็นเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) 2.นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เป็นปลัด ศธ. 3.นายพรหมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา รองปลัด ศธ. เป็น เลขาธิการ กอศ. 4.นายวินัย รอดจ่าย รองเลขาธิการ กพฐ. เป็น รองปลัด ศธ. 5.นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เป็นรองเลขาธิการ กพฐ. 6. นางสุทธศรี วงษ์สมาน ผู้ตรวจราชการ ศธ. เป็นรองเลขาธิการ สกศ. 7.นายสุชาติ วงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนากระบวนการเรียนรู้ สพฐ. เป็น ผู้ตรวจราชการ ศธ. 8. นพ.กำจร ตติยกวี หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็น รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.)

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า เหตุผลของการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ มี 2 ประการประกอบกัน คือ เพื่อความเหมาะสมในการบริหารงาน และเพื่อแก้ปัญหาบางส่วน โดยการพิจารณาครั้งนี้นับหนึ่งที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ของ เลขาธิการ กอศ. ที่ต้องการย้ายออกจาก สอศ.และ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศธ.ก็เห็นด้วย

“เพื่อให้งานเดินไปข้างหน้าเมื่อ นายเฉลียว ออกจาก สอศ. ก็ต้องมีที่ให้ลง ซึ่งตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดคือตำแหน่งปลัด ศธ. ขณะเดียวกันถ้า นายชินภัทร จะออกจากตำแหน่งปลัด ศธ. ตำแหน่ง เลขาฯ กพฐ.ก็เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดเช่นกัน และเมื่อที่ของ สอศ.ว่างลง น.ส.นริศรา ก็เห็นว่า นายพรหมสวัสดิ์มีความเหมาะสมเพราะเป็นลูกหม้อของอาชีวะ สำหรับตำแหน่งอื่นๆ ก็เป็นการปรับเพื่อความเหมาะสม โดยนางสุทธศรี ซึ่งเป็นคนของ สกศ.เดิม ยังไม่สามารถขึ้นตำแหน่งรองเลขาธิการ สกศ.ได้ จึงต้องมาเป็นผู้ตรวจราชการศธ. ก่อน ขณะที่ นายชัยพฤกษ์ ก็เป็นคน สพฐ.เดิม จึงเห็นควรให้กลับที่เดิม ส่วนนายวินัย ก็ยินดีและรับที่จะไปเป็นรองปลัด ศธ. ทั้งนี้ สำหรับการโยกย้ายครั้งนี้ ยอมรับว่าไม่มีสมบูรณ์ทั้ง 100% แต่เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานที่เหมาะสมที่สุด ในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้งานเดินไปข้างหน้า และเป็นการใช้คนที่เหมาะสมในสถานการณ์นี้ด้วย” รมว.ศธ.กล่าว

นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.กล่าวว่า ในส่วนของ นพ.กำจร มาจากตำแหน่งอาจารย์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จึงต้องเทียบตำแหน่งว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามตำแหน่งบริหาร ซึ่งเพิ่งเทียบเสร็จในวันที่ 10 พฤศจิกายน ศธ.จึงได้นำเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาไปพร้อมกัน โดยเป็นรายชื่อตามที่คณะกรรมการสรรหา ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เสนอ ซึ่งเป็นผู้ได้รับคะแนนคัดเลือกสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนตัวมองว่ามีความเหมาะสมเพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถทางด้านไอที การบริหารบุคลากร เพราะเคยผ่านการเป็นผู้บริหารระดับคณะและระดับมหาวิทยาลัยมาก่อน โดยเป็นอดีตรองคณบดีคณะแพทยศาสตร์และอดีตรองอธิการบดี จุฬาฯ

ขณะที่ ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่าที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนเป็นข้าราชการคงไม่เลือกว่าจะทำงานที่ไหน ด้านใด สำหรับในการพิจารณาโยกย้ายหลักเหตุผลที่เป็นปกติคือด้านความความเหมาะสม ซึ่งต้องยอมรับว่าระดับนโยบายคงพิจารณาถึงความจำเป็น ว่าจุดไหนที่ต้องขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ทั้งนี้เข้าใจว่าในการปฏิรูปการศึกษารอบสองนั้น ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เน้นย้ำตลอดว่าต้องเน้นปฏิรูปด้านการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานมีสมรรถนะที่สูงขึ้น ทั้งเรื่องการอ่าน การเขียน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ให้ดีขึ้นดังนั้นจึงต้องวางรากฐานตั้งแต่ช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-3) และ ช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-6) เพราะฉะนั้นในการพยายามปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบหากพื้นฐานไม่แน่น แต่กลับไปทุ่มกับกลางทาง ปลายทางก็จะไม่เกิดผลตรงนี้จึงถือเป็นจุดสำคัญ

ดร.ชินภัทร กล่าวต่อว่า ส่วนงานของสำนักงานปลัด ศธ.นั้น ก็ถือว่ามีความสำคัญมากเพราะเป็นกลไกที่จะช่วยให้งานใน 5 องค์กรหลักของ ศธ.ขับเคลื่อนไปได้อย่างมีทิศทาง ช่วยประสานงาน ลดความซับซ้อน ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบในการยกประเด็นต่างๆ เข้ามาแก้ไข ทั้งเรื่องของ การพัฒนากฏหมายด้านการศึกษา การพัฒนาวิชาชีพครูทั้งระะบบ ซึ่งตรงนี้เป็นภาระกิจของสำนักงานปลัด ศธ.ที่มีความสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อระดับนโยบายเห็นว่าการขับเคลื่อนสำคัญอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่อยากให้มีคนที่มีประสบการณ์มาทำงานตรงนี้ตนก็ยอมรับ

เมื่อถามว่าในส่วนของ สพฐ.ได้รับงบจาก SP2 จำนวนมาก หนักใจหรือไม่ในการบริหารงาน ดร.ชินภัทร กล่าวว่า เรื่องงานไม่หนักใจ ถึงเงินจะเยอะ คนจะเยอะ ก็ใช้การบริหารหลักการเดียวกัน คือ เน้นความยุติธรรม โปร่งใส และใช้ระเบียบราชการกำหนดวิธีการทำงานเป็นหลัก แต่ทั้งนี้ต้องมีความคล่องตัวในการทำงาน หากทำให้ทุกคนมีส่วนร่วม ในการตัดสินใจ การรับผิดชอบ ก็คงไม่มีอุปสรรคอะไร อีกทั้งต้องขึ้นอยู่กับการสื่อสารที่ต้องชี้แจงให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันด้วย

“ผมเคยอยู่ สพฐ.มาแล้ว 2 ปี ทั้งบุคลากร และผู้บริหารระดับสูง ต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่หนักใจในเรื่องของงาน ทั้งนี้พลังคนที่มีความสามารถมีเยอะ เราเพียงเข้าไปเป็นหัวให้เท่านั้น” ว่าที่เลขาฯ กพฐ.กล่าว

ด้าน นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) ว่าที่ปลัด ศธ. กล่าวว่า ตนได้เรียนกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศธ.ว่า หากตนอยู่ในตำแหน่ง เลขาฯ กอศ. แล้วทำประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ ก็พร้อมที่จะไปอยู่ในตำแหน่งอื่นที่ รมว.ศธ. เห็นว่าเหมาะสม ซึ่งเป็นเพียงการปวารณาตัว แต่ไม่ใช่การเสนอขอย้ายตนเอง เพราะมีเรื่องอึดอัดใจแน่นอน

อย่างไรก็ตามยอมรับว่าในขณะที่ตนเองอยู่ในตำแหน่ง เลขาฯ กอศ.นั้น หลายภาระงานที่อาจจะยังไม่เป็นไปตามความตั้งใจ เช่น พ.ร.บ. การอาชีวศึกษา ที่ยังล่าช้าอยู่ คุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาอาชีวะฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องฝากให้เลขาฯ กอศ.คนใหม่สานต่อด้วย
นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์
นายพรมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา
นายสมเกียรติ ชอบผล
นายเสน่ห์ ขาวโต
กำลังโหลดความคิดเห็น