ฉลอง 9 ปี สมศ. “สมหวัง” ลั่นเป็นกัลยาณมิตรกับสถานศึกษา ชี้ผลประเมินอาจไม่ถูกใจบ้าง รับเป็นเพียงกุศโลบายให้สถานศึกษามุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เชื่อทุกฝ่ายร่วมมือกันส่งไทยเป็นมหาอำนาจการศึกษาได้ ด้าน ปธ.คกก.บริหาร สมศ. เผย “ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์” นั่ง ผอ.สมศ.คนใหม่ ฝากนำ สมศ.เปลี่ยนผ่านสู่ปฏิรูปฯ รอบสอง เน้นประเมินเชิงบวก แนะประเมินรอบ 3 ปรับตัวชี้วัดให้น้อยลง ลดภาระผู้ถูกประเมิน พร้อมจัดงบสนับสนุนในการนำผลการประเมินมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่หอประชุมกองทัพเรือ สำนักงานรับรองคุณภาพและประเมินมาตรฐานการศึกษา (สมศ.) จัดงานประชุมวิชาการ “9 ปี สมศ.” โดย ศ.กิตติคุณ ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ รักษาการผู้อำนวยการ สมศ.กล่าวว่า ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา สมศ.ได้มุ่งมั่นทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้องค์กรเป็นกัลยาณมิตรกับสถานศึกษาอย่างแท้จริง แต่ก็ยอมรับว่าผลประเมินที่ออกมาบางครั้งก็ทำให้สถานศึกษาหลายแห่งไม่สบายใจบ้าง ทั้งนี้การประเมินของ สมศ.ไม่ได้ทำให้สถานศึกษามีคุณภาพมากขึ้น แต่เป็นเพียงกุศโลบายที่ต้องการทำให้สถานศึกษาทุกแห่งไปถึงเป้าหมายที่ต้องการร่วมกันแต่ใจจริงแล้วก็พยายามทุกทางที่จะช่วยให้สถานศึกษาทุกแห่งผ่านการประเมิน
อย่างไรก็ตาม อยากให้เข้าใจว่าการประเมินของ สมศ.ทำไปด้วยความตั้งใจที่อยากให้การศึกษาของไทยเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน และเชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจก็จะทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะประเทศไทยมีสถานศึกษากว่า 36,184 แห่ง ซึ่งมากที่สุดในโลก ดังนั้นหากทุกฝ่ายร่วมมือกันทำให้สถานศึกษาทุกแห่งเกิดคุณภาพจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นมหาอำนาจทางการศึกษาได้
นายชิงชัย หาญเจนลักษณ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร สมศ.กล่าวว่า ขณะนี้ สมศ.ได้ผู้อำนวยการคนใหม่แล้ว คือ นายชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ซึ่งจะมาเป็น ผอ.สมศ. แทน ศ.กิตติคุณ ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ซึ่งหมดวาระ ทั้งนี้ ตนขอฝากความหวังที่จะเป็นผู้นำ สมศ.ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ทั้งนี้สิ่งที่ตนอยากเห็นในอนาคต คือ สมศ.ต้องเน้นการประเมินที่เป็นแนวบวกมากขึ้น จึงอยากได้ผู้ประเมินที่มีทัศนคติในทางบวก เพราะที่ผ่านมายอมรับว่าการประเมินมีปัญหาพอสมควร
ดังนั้น การประเมินรอบ 3 อยากเห็นตัวชี้วัดในการประเมินน้อยลง ตัวชี้วัดง่ายขึ้น และลดภาระผู้ถูกประเมิน ที่สำคัญอยากเห็นการประเมินเป็นแบบกัลยาณมิตรที่เข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนมากกว่าตรวจสอบ และสุดท้ายอยากให้ สมศ.จัดงบประมาณมาสนับสนุนในการนำผลการประเมินมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของ สมศ.ในอนาคต
ขณะที่ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวในการปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า การประเมินเป็นเครื่องมือสำคัญต่อกระบวนการพัฒนา เพื่อนำมาเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา ซึ่งในส่วนของการศึกษาถือได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะนำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษา จากผลการประเมินอย่างเข็มงวดของ การทำงานของสมศ.ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ทุกฝ่ายตระหนักและให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน นักศึกษา ให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ และหวังว่าในอนาคตจะเข้มข้นข้น เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาของไทยให้สูงขึ้น
