ทีมที่ปรึกษารมว.สธ.ไขก๊อกออกยกทีม ลาก “แม่เลี้ยงติ๊ก” เลขาฯรมว. “สุรเชษฐ์” ผช.รมว.สธ.แสดงสปิริตรับผิดชอบทางการเมือง เปิดทางให้ตรวจสอบทุจริตได้โปร่งใส ลดข้อครหาแทรกแซง ยันลาออกไม่ใช่เกมการเมือง
เมื่อเวลา 9.15 น. วันที่ 6 ตุลาคม นายพิเชฏฐ พัฒนโชติ ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วยนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เลขานุการรมว.สาธารณสุข นายสุรเชษฐ์ แวอะแซ ผู้ช่วยรมว.สาธารณสุข และนายบุญมา เตชะวณิช ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข แถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวว่า บุคคลใกล้ชิดนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข มีส่วนเกี่ยวข้องกกับการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของสธ.(เอสพี 2)
นายพิเชฏฐ กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวว่านโยบายของรัฐบาลเอสพี2 ของสธ.มีความไม่โปร่งบางโครงการ และมีการพาดพิงที่ปรึกษา คนใกล้ชิด และเปิดเผยชื่อย่อบางชื่อ คณะที่ปรึกษาจึงมีมติร่วมกันกับนางศิริวรรณและนายสุรเชษฐ์ในการแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรับผิดชอบทางการเมืองและเห็นว่าเรื่องดังกล่าวต้องการการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากคณะที่ปรึกษาฯยังอยู่ในตำแหน่งอาจโดนข้อครหาว่าไม่โปร่งใส เพราะสามารถใช้อำนาจที่มีอยู่แทรกแซงการตรวจสอบได้ ดังนั้นการลาออกจึงเป็นทางที่แสดงความบริสุทธิ์ได้
ยันไม่ใช่เกมการเมือง ไม่ขัดแย้ง ไม่หนี ไม่ผิด ไม่ได้กดดันใคร
นายพิเชฏฐ กล่าวว่า นอกจากนี้ขอเสนอให้นายวิทยาตั้งคณะบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคมให้เป็นคณะกรรมการตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็งทุกโครงการ และเสนอให้พิจารณาทบทวนการมอบหมายงานแบ่งงานภายในสธ.เพื่อให้เกิดการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การป้องกันไข้หวัด2009 ที่เป็นเรื่องที่รมว.สาธารณสุขควรดูแลโดยตรง แต่กรมควบคุมโรคกลับอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของรมช.สาธารณสุข (นายมานิต นพอมรบดี) จึงทำให้การทำงานเกิดการติดขัด จึงคิดว่าหากแบ่งงานให้มีเอกภาพมากขึ้นจะทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนเรื่องเอสพี 2 ก็เป็นส่วนหนึ่งที่นายวิทยาควรจะพิจารณาใหม่ด้วย
“การลาออกในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเกมการเมือง ไม่ได้เกิดขึ้นขัดแย้งในการร่วมงานกันแต่อย่างใด ที่ผ่านมามีการทำงานร่วมกันกับรมว.สาธารณสุขมาโดยตลอด และไม่ได้เป็นการกดดันใครหรือหนีความผิดแต่อย่างใด เพราะโครงการนี้งบประมาณยังไม่มา ยังไม่ได้เกิดการซื้อของขึ้น แต่เมื่อมีข้อกล่าวหา การแสดงสปิริตลาออกก็น่าเป็นผลดีมากกว่า จะได้ไม่มีปัญหาภายหลังว่าไม่ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการตรวจสอบ ไม่ให้ความจริงปรากฏและยืนยันว่าไม่มีหนี เพราะไม่ผิด ถ้าเปรียบเหมือนหนังสือ 100 หน้า ขณะนี้เพิ่งผ่านไป 5 หน้าเท่านั้น ยังเหลืออีก95 หน้าซึ่งต้องใช้เวลาดูกันต่อไป และยืนยันว่าไม่ได้กดดันใครด้วย”นายพิเชฏฐ กล่าว
ห่วง “วิทยา” รับภาระหนัก แย้มยินดีกลับมาช่วยงานใหม่หากพ้นข้อครหา
นายพิเชฏฐ กล่าวว่า ส่วนการที่ชมรมแพทย์ชนบทเปิดเผยชื่อย่อของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตก็อยากให้มีการเปิดเผยรายชื่อ ข้อมูลทั้งหมดพร้อมกับตรวจสอบให้ถึงที่สุด ว่าใครเป็นผู้กระทำหรืออยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่พูดแต่เพียงลอยๆ แต่ก็รู้สึกดีใจที่มีคนแบบแพทย์ชนบทอยู่ในแวดวงราชการ เพราะเป็นการทำงานเพื่อส่วนรวม ซึ่งตนเองทำงานเพื่อส่วนรวมมานานเช่นกันก็อยากเห็นการกระทำที่เป็นประโยชน์
“ได้หารือนายวิทยาแล้ว พร้อมยังได้พูดคุยถึงต้นเหตุของเรื่องดังกล่าวแล้ว ท่านรู้สึกเสียดายและไม่สบายใจ แต่ก็ไม่แทรกแซงการตัดสินใจ เครารพในการตัดสินใจของทุกคน พร้อมให้กำลังใจ ซึ่งผมก็เป็นห่วงนายวิทยา เพราะต้องแบกรับภาระมากขึ้น แต่อยากทำให้เรื่องนี้เป็นการเมืองแบบใหม่ที่ควรมีคนรับผิดชอบ โดยท่านฝากให้รับผิดชอบงานบางอย่างที่ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งไป เพราะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ เช่นเรื่องอาสาสมัครสาธารณสุข เพราะผมเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ที่ดูเรื่องอสม.อยู่แล้ว ก็ควรทำต่อไป แต่จะไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของสธ.”นายพิเชฏฐกล่าว
นายพิเชฏฐ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามหากหลังจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริต หากนายวิทยาเห็นว่าสามารถช่วยงานได้ และมอบหมายงานให้ดำเนินการก็ยินดีกลับเข้ามาช่วยงานอีกเหมือนเดิม
“แม่เลี้ยงติ๊ก” เสียใจถูกหาดพิง จี้คนพูดรับผิดชอบด้วย
ด้าน นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เลขานุการรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า มั่นใจว่าไม่ได้กระทำผิดใดๆ และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตนรู้สึกเสียใจที่มีอักษรย่อชื่อของตนเองเข้าไปเกี่ยวข้อง ด้วยความบริสุทธิ์ใจยินดีอย่างยิ่งในการร่วมมือในการตรวจสอบ และอยากเรียกร้องให้ผู้ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลออกมาระบุว่าเป็นผู้ใด กระทำผิดอะไร ขอให้พูดให้หมด ไม่ใช่พูดลอยๆ เพราะตนเองตั้งใจทำงาน มีสปิริตพอ ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง จึงขอให้ตรวจสอบอย่างเข้มข้นและเป็นธรรม อย่าให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะการพูดพาดพิงเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ต้องรับผิดชอบในคำพูดของตนเองด้วย เช่น รับผิดชอบทางวินัยข้าราชการ
แพทย์ชนบทปูดอีกเครื่องตรวจปริมาณเม็ดเลือดส่อโกง
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า การแสดงสปิริตของฝ่ายการเมืองเป็นเรื่องที่ดี เพราะเปิดโอกาสให้เกิดการตรวจสอบได้ชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งต้องจับตามองทีมปรึกษาใหม่ว่าเป็นใครและการดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไปอย่างใกล้ชิด
“ในการนำบุคคลภายนอกมาตรวจสอบเรื่องทุจริตที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นแนวทางที่ดี แต่อย่างไรก็ตามควรให้โอกาสกับข้าราชการสธ.ที่ได้รับการมอบหมายให้ทำงานก่อน แม้ว่าตำแหน่งผู้ตรวจราชการที่เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีครุภัณฑ์ 6 รายการจะเป็นตำแหน่งที่สามารถได้รับผลกระทบในการแต่งตั้งโยกย้าย จึงอาจไม่กล้าตรวจสอบอย่างเต็มที่”นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ พบว่ามีรายการครุภัณฑ์ที่ผิดสังเกตคือ เครื่องตรวจปริมาณเม็ดเลือด (ซีบีซี ออโต เมด)เครื่องละหลายแสนบาท ซึ่งลักษณะการทุจริตคล้ายคลึงกับเครื่องตรวจวัดปริมาณสารชีวเคมีในเลือด (ออโต เมด) เพราะเป็นเครื่องที่ปัจจุบันสถานพยาบาลต่างๆจะใช้วิธีจัดซื้อน้ำยาจากบริษัท โดยที่บริษัทจะนำเครื่องมาตั้งให้ฟรี ไม่ต้องซื้อเอง เพราะเครื่องมีราคาสูงมาก แต่ในโครงการดังกล่าวกลับมีการจัดซื้อเครื่องมือดังกล่าว