กทม.ยืนยันกรมศุลกากรไม่ขายทอดตลาดรถเรือดับเพลิงฉาวเหตุค้างจ่ายค่าภาษีหน้าท่ากว่า 100 ล้านบาท เผยหากขายทอดจริงกรมศุลกากรต้องแจ้ง กทม.ในฐานะคู่สัญญาทราบก่อน
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวปฏิเสธข่าวที่กรมศุลกากรเตรียมขายทอดตลาดรถดับเพลิงของ กทม.จำนวน 199 คัน ที่จอดอยู่ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง เนื่องจากค้างค่าภาษีหน้าท่าจำนวน 117 ล้านบาท ว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทั้งนี้ ได้สอบถามไปยังกรมศุลกากรแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้เตรียมขายทอดตลาดรถดับเพลิงดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้กทม.ได้ทำหนังสือไปยังกรมศุลกากรเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2552 ขอระงับไม่ให้นำรถและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ในล็อตที่ 2 ซึ่งมาถึงประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคม 2551 ประกาศขายทอดตลาด เนื่องจากกทม.ยังไม่สามารถนำรถเรือและอุปกรณ์ทั้งหมดออกจากท่าเรือแหลมฉบังได้ เพราะ ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้ กทม.ฟ้องศาลเพิกถอนสัญญา MOU ในการจัดซื้อระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรียไม่ชอบด้วยกฎหมาย กทม. จึงไม่ได้นำรถออกจากท่า อีกทั้งได้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ด้วย ทั้งนี้ รถดับเพลิงเป็นสินค้าของกลางที่ถูกอายัดไว้ตามกฎหมายจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น และโดยมารยาท หากกรมศุลกากรจะดำเนินการใดๆ กับรถดับเพลิงก็ต้องมีหนังสือแจ้งให้เจ้าของ หรือคู่สัญญา คือ กทม.รับทราบก่อน
ส่วนความคืบหน้าในการฟ้องศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อเพิกถอนสัญญานั้น ศาลฯนัดตัดสินคดีว่าจะฟ้องเพิกถอนสัญญาให้ กทม.หรือไม่ ในวันที่ 22 ก.พ.2553
ด้าน นายนิคม บุญพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กล่าวถึงหนังสือที่กรมศุลกากรแจ้งมายังกรุงเทพมหานคร 2 ครั้ง เมื่อปี 2550 และ 2552 เป็นการทวงถามเรื่องภาษี ไม่ได้มีข้อความเรื่องการขายทอดตลาดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีข่าวออกมาตนได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานไปยังกรมศุลกากร ก็ไม่มีประเด็นที่จะนำขายทอดตลาด จึงแปลกใจว่ามีกระแสข่าวออกมาได้อย่างไร
