นครศรีธรรมราช - สำนักงานบังคับคดีนครศรีธรรมราช ระบุสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อการขายทอดตลาดทรัพย์สินในนครศรีธรรมราช เนื่องจากผู้ลงทุนทำธุรกิจ ขาดสภาพคล่อง
วันนี้ (6 ส.ค.) น.ส.มรรยาท มิตรกูล ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อการขายทอดตลาดทรัพย์สินในนครศรีธรรมราช เนื่องจากผู้ลงทุนทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่จะเข้าประมูลซื้อทรัพย์ขายทอดตลาด หรือผู้ที่ต้องการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยได้ชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งต้องการรอดูทิศทางตลาดด้านอสังหาริมทรัพย์
ประกอบกับปัญหาสภาพคล่องในการกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุน ภายในปี 2552 สำนักงานบังคับคดีนครศรีธรรมราช ตั้งเป้าที่ผลักดันทรัพย์สินออกสู่ตลาดมูลค่าราว 696 ล้านบาท ซึ่งมาถึงเดือนสิงหาคมปรากฎว่า สามารถขายทอดตลาดทรัพย์สินไปแล้วราว 456 ล้านบาท คาดว่าในช่วงไตรมาศสุดท้ายจะสามารถทอดตลาดทรัพย์ได้ทะลุเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนไปดูในปี 2551 ทรัพย์ที่ทอดตลาดโดย สนง.บังคับคดีนครศรีธรรมราช สามารถผลักดันทรัพย์โดยการถอนการยึดทรัพย์ทุนทรัพย์ตามราคาประเมินจำนวน 260 ล้านบาทโดยคู่ความตกลงปรับโครงสร้างการชำระหนี้ ซึ่งโจทย์ของดการบังคับคดี ทุนทรัพย์ตามราคาประเมิน 107 ล้านบาทเศษ และในส่วนของการทอดตลาดทรัพย์ได้จำนวนเงิน 405 ล้านบาท ทำให้มียอดรวมสูงถึง 772 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย
“ภาพรวมในนครศรีธรรมราช ทรัพย์ที่ถูกขายทอดตลาดส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินสวน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินว่างเปล่า ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ ส่วนทรัพย์สังหาริมทรัพย์ ประเภทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องจักร ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยในช่วงครึ่งปีหลังได้มีการวางแผนผลักดันทรัพย์ออกสู่ตลาดใหม่ โดยเพิ่มจำนวนคดีทอดตลาด ให้มากขึ้น” ผอ.สำนักงานบังคับคดีนครศรีธรรมราชกล่าว
วันนี้ (6 ส.ค.) น.ส.มรรยาท มิตรกูล ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อการขายทอดตลาดทรัพย์สินในนครศรีธรรมราช เนื่องจากผู้ลงทุนทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่จะเข้าประมูลซื้อทรัพย์ขายทอดตลาด หรือผู้ที่ต้องการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยได้ชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งต้องการรอดูทิศทางตลาดด้านอสังหาริมทรัพย์
ประกอบกับปัญหาสภาพคล่องในการกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุน ภายในปี 2552 สำนักงานบังคับคดีนครศรีธรรมราช ตั้งเป้าที่ผลักดันทรัพย์สินออกสู่ตลาดมูลค่าราว 696 ล้านบาท ซึ่งมาถึงเดือนสิงหาคมปรากฎว่า สามารถขายทอดตลาดทรัพย์สินไปแล้วราว 456 ล้านบาท คาดว่าในช่วงไตรมาศสุดท้ายจะสามารถทอดตลาดทรัพย์ได้ทะลุเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนไปดูในปี 2551 ทรัพย์ที่ทอดตลาดโดย สนง.บังคับคดีนครศรีธรรมราช สามารถผลักดันทรัพย์โดยการถอนการยึดทรัพย์ทุนทรัพย์ตามราคาประเมินจำนวน 260 ล้านบาทโดยคู่ความตกลงปรับโครงสร้างการชำระหนี้ ซึ่งโจทย์ของดการบังคับคดี ทุนทรัพย์ตามราคาประเมิน 107 ล้านบาทเศษ และในส่วนของการทอดตลาดทรัพย์ได้จำนวนเงิน 405 ล้านบาท ทำให้มียอดรวมสูงถึง 772 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย
“ภาพรวมในนครศรีธรรมราช ทรัพย์ที่ถูกขายทอดตลาดส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินสวน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินว่างเปล่า ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ ส่วนทรัพย์สังหาริมทรัพย์ ประเภทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องจักร ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยในช่วงครึ่งปีหลังได้มีการวางแผนผลักดันทรัพย์ออกสู่ตลาดใหม่ โดยเพิ่มจำนวนคดีทอดตลาด ให้มากขึ้น” ผอ.สำนักงานบังคับคดีนครศรีธรรมราชกล่าว
