สพฐ.มอบ สวก.วิเคราะห์ตำราเรียน เหตุเนื้อหาสาระกว้าง ซับซ้อน หวั่นนักเรียนไม่มีเวลาศึกษาเนื้อหา-ข้อสอบยาก หากใช้หนังสือเรียนทุกเล่มออกข้อสอบ O-NET ในการรับเด็กเข้าเรียนต่อ ก่อนส่งผลให้ สทศ.พิจารณาออกสอบให้เป็นตามมาตรฐาน
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบการรายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ผ่านมา ถึงการนำคะแนน แบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) มาใช้ในการรับนักเรียนเข้าเรียนต่อ ซึ่งที่ประชุม กพฐ.มีความกังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงได้มอบเป็นนโยบายว่า ให้สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) ไปวิเคราะห์หนังสือเรียนว่าจะนำมาสู่การปรับปรุงแก้ไข้ได้อย่างไรบ้าง เนื่องจากเนื้อหาสาระในหนังสือเรียนมีมาก และซับซ้อน กว้างขวางเกินไป ส่งผลให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอนในโรงเรียนได้ เพราะอาจทำให้นักเรียนไม่มีเวลาพอที่จะเรียนเนื้อหาในแบบเรียน ดังนั้นหากการสอบ O-NET ใช้หนังสือเรียนทุกเล่มมาออกข้อสอบก็จะทำให้ข้อสอบบางส่วนมีความยากและซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นจนนักเรียนไม่สามารถทำข้อสอบได้
คุณหญิงกษมา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สวก.จะไปวิเคราะห์ให้เห็นว่าหนังสือเรียนที่ใช้เรียนอยู่ทั้งหมดมีเนื้อหาสาระแกนกลางตรงไหนที่ยากและเกินความจำเป็นสำหรับเด็ก จากนั้นจะส่งให้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ไปพิจารณา เพื่อออกข้อสอบให้เป็นหมู่ เนื้อหาทั่วไปแบบเดียวกันทั้งหมด
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงการดูแลเด็กไร้สัญชาติ ซึ่งอยากให้มีการเร่งรัดออกระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการศึกษาให้แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร เพราะหากยังไม่มีระเบียบดังกล่าวจะทำให้ศูนย์การเรียนของคนไร้สัญชาติที่เปิดอยู่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น ที่ประชุมจึงเห็นว่าเรื่องการดูแลเด็กไร้สัญชาติเป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยงานจะต้องร่วมมือช่วยกันดูแล
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบการรายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ผ่านมา ถึงการนำคะแนน แบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) มาใช้ในการรับนักเรียนเข้าเรียนต่อ ซึ่งที่ประชุม กพฐ.มีความกังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงได้มอบเป็นนโยบายว่า ให้สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) ไปวิเคราะห์หนังสือเรียนว่าจะนำมาสู่การปรับปรุงแก้ไข้ได้อย่างไรบ้าง เนื่องจากเนื้อหาสาระในหนังสือเรียนมีมาก และซับซ้อน กว้างขวางเกินไป ส่งผลให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอนในโรงเรียนได้ เพราะอาจทำให้นักเรียนไม่มีเวลาพอที่จะเรียนเนื้อหาในแบบเรียน ดังนั้นหากการสอบ O-NET ใช้หนังสือเรียนทุกเล่มมาออกข้อสอบก็จะทำให้ข้อสอบบางส่วนมีความยากและซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นจนนักเรียนไม่สามารถทำข้อสอบได้
คุณหญิงกษมา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สวก.จะไปวิเคราะห์ให้เห็นว่าหนังสือเรียนที่ใช้เรียนอยู่ทั้งหมดมีเนื้อหาสาระแกนกลางตรงไหนที่ยากและเกินความจำเป็นสำหรับเด็ก จากนั้นจะส่งให้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ไปพิจารณา เพื่อออกข้อสอบให้เป็นหมู่ เนื้อหาทั่วไปแบบเดียวกันทั้งหมด
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงการดูแลเด็กไร้สัญชาติ ซึ่งอยากให้มีการเร่งรัดออกระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการศึกษาให้แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร เพราะหากยังไม่มีระเบียบดังกล่าวจะทำให้ศูนย์การเรียนของคนไร้สัญชาติที่เปิดอยู่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น ที่ประชุมจึงเห็นว่าเรื่องการดูแลเด็กไร้สัญชาติเป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยงานจะต้องร่วมมือช่วยกันดูแล
