ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.45 น. วานนี้ (3 ก.ย.) ด.ช.หม่อง ทองดี แชมป์เครื่องบินกระดาษพับแห่งประเทศไทย พร้อมนายดววฤทธิ์ เกติมา ครูประจำชั้นโรงเรียนบ้านห้วยทราย นางเตือนใจ ดีเทศน์ ส.ว.เชียงใหม่ ได้เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ห้องโถงชั้น 1 อาคารรัฐสภา เพื่อขอความช่วยเหลือและค้ำยันในการได้เอกสารสำหรับเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับที่เมืองชิบะ ระหว่างวันที่ 18-20 ก.ย.นี้
โดยด.ช.หม่องถือกระดาษพับเครื่องบินสีเหลืองติดตัวมาด้วย โดยมีอาการ ตื่นเต้นเมื่อเข้าภายในอาคารรัฐสภาถึงกับมีอาหารงงๆ เนื่องจากได้รับความสนใจ จากสื่อมวลชนเข้ารุมล้อมจำนวนมาก รวมถึงบรรดาช่างภาพนิ่งและโทรทัศน์ ที่ขอให้ ด.ช.หม่องโพสต์ท่าถ่ายภาพขณะสาธิตพับเครื่องบินและร่อนเครื่องบินในอากาศ ขณะที่ข้าราชการรัฐสภา รวมถึงส.ส.เข้ามาสังเกตการณ์ โดยส.ส.คนหนึ่งพูดกับเพื่อนส.ส.ว่า ให้เด็กมันไปญี่ปุ่นเถอะ สงสาร ให้เด็กมันได้ไปแข่ง
ด.ช.หม่อง กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า ผมตื่นเต้นมาก แต่ก็ดีใจ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเถียงอะไรกัน ซึ่งระหว่างนั้นร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส. พรรคเพื่อไทยกำลังปะทะคารมกับส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กรณีคลิปเสียงคล้ายนายกฯ ก่อนที่ นายอภิสิทธิ์จะขอชี้แจงในครั้งที่ 3 แล้วออกตัวว่าต้องรีบไปพบ เด็กชายหม่องที่มารออยู่
ต่อมาเวลา 16.15 น. นายอภิสิทธิ์ ออกจากห้องประชุมสภาฯ มาพบ ด.ช.หม่อง พร้อมกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดยมีนางเตือนใจ และตัวแทนกรรมการสิทธิมนุษยชน เข้าหารือด้วยภายในห้องรับรองนายกฯ โดยนายอภิสิทธิ์ได้สอบถามนายกษิต ถึงเอกสารการเดินทางไปและเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นของ ด.ช.หม่อง
นายกษิตยืนยันว่า ในคืนนี้ ทุกอย่างน่าจะเสร็จเรียบร้อย ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ เพียงแต่รอเอกสารต่างๆ จากกระทรวงมหาดไทยอย่างเดียว คิดว่าไม่น่ามีปัญหา แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเอกสารการเดินทางไปและกลับเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องสัญชาติของด.ช.หม่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ได้ชวนด.ช.หม่อง คุยอย่างเรื่องผลการเรียน ภูมิลำเนาเกิด ทั้งนี้ ครูประจำชั้นยืนยันว่า ด.ช.หม่องเกิดในประเทศไทยและเรียนในประเทศไทย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในเรื่องการให้สัญชาติของชาวต่างด้าวนั้น ได้มีการคุยกันในที่ประชุม สมช. ยอมรับว่าที่จ.เชียงใหม่ เชียงราย กาญจนบุรี มีคนไร้สัญชาติมาก ซึ่งขณะนี้รัฐบาลก็ให้ความสำคัญ กำลังจะพิจารณาอยู่ รวมถึงการให้หลักประกันด้านสุขภาพด้วย โดยกำลังหารือกับกระทรวงสาธารณสุข ในกรณีของแรงงาน ต่างด้าวนั้น ความจริงจะต้องถูกส่งตัวกลับเมื่อถึงเวลา แต่ขณะนี้รัฐบาลพยายามดูแล พร้อมให้ช่วยเหลือ แต่ยืนยันว่าต้องไม่เป็นภารต่อผู้เสียภาษีชาวไทย
ส่วนเรื่องปัญหาหลักประกันสุขภาพการรักษาพยาบาลของคนไร้สัญชาติ รวมทั้งกรณีที่คนแหล่านี้จะได้ทุนไปเรียนต่างประเทศนั้น ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้ทำเรื่องมา ที่ตนโดยตรงหรือมาที่กระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลจะดูแลให้ แต่ไม่ได้หมายความ ว่าที่ร้องขอจะได้ทุกกรณี แต่รัฐบาลให้ความสำคัญ จะทำเรื่องนี้โดยยึดหลักปฏิบัติสากล
กรณีของด.ช.หม่องถือเป็นกรณีตัวอย่าง ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะตัดสินใจพิจาณา โดยจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่ ด.ช.หม่อง กล่าวว่า ขอขอบคุณนายกฯ ผมรักท่านมากครับ นายกฯใจดี ขณะที่นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ใช่นายกฯคนเดียวที่ใจดี ผู้ใหญ่ทุกคนก็ใจดี เป็นห่วงเป็นใย ก็ขอให้ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำสิ่งที่ทำอยู่นี้ให้ดี ตั้งใจทำต่อไป จากนั้น ด.ช.หม่องมอบเครื่องบินกระดาษให้นายกฯ ขณะที่นายกฯ มอบถุงของขวัญให้ ด.ช.หม่องเป็นที่ระลึก ภายในมีของเล่นและนม ทั้งนี้ ด.ช.หม่อง กล่าวก่อนขึ้นรถกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ดีใจมาก ทั้งเรื่องที่จะได้ไปแข่งที่ญี่ปุ่น และดีใจที่ได้พบนายกฯ เดี๋ยวจะไปไปบอกพ่อและแม่ว่า ผมได้ไปญี่ปุ่นแล้ว และในอนาคตถ้าโตขึ้น ผมอยากเป็นนักบิน
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องนี้มีทางออก แต่อาจจะติดขัดบ้าง เพราะเป็นเรื่องของกฏหมายที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ถึงแม้จะมีกระแสกดดันกระทรวงมหาดไทยบ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติของการทำงาน ถ้ากฏหมายมีช่องว่าง เราก็พร้อมจะช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวแล้วตนอยากให้ ด.ช.หม่อง ได้ไปแข่งขัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวจะเป็นตัวอย่างให้กับบุคคลไร้สัญชาติในการเรียกร้อง หรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า เป็นห่วงว่า อาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เพราะคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมีอยู่ไม่น้อย จึงต้องระมัดระวังที่จะทำการอนุมัติผู้ที่ไม่มีสัญชาติอย่างรอบคอบ
ก่อนหน้านี้ เวลา 13.00 น.ด.ช.หม่อง ทองดี พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ได้ยื่นฟ้อง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ต่อศาลปกครอง ฐานละเลยในการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร โดยขอให้ศาลมีคำสั่งให้รมว.มหาดไทยอนุญาตให้ ด.ช.หม่อง เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษ ที่ประเทศญี่ปุ่น และเดินทางกลับเข้าประเทศได้ และในระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษา ขอให้ศาล ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว โดยสั่งให้รมว.มหาดไทย อนุญาตให้ด.ช.หม่องเดินทางออกประเทศ เพื่อแข่งขันและเดินทางกลับเข้าประเทศได้
นายติธร กล่าวว่า แม้ด.ช.หม่องไม่ได้เป็นคนไทย แต่ก็สามารถที่จะฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ เพราะด.ช.หม่องอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายไทย ซึ่งรัฐธรรมนูญได้ให้การคุ้มครองอยู่ อีกทั้งเหตุก็เกิดในประเทศไทย จึงถือเป็น ผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องคดี ซึ่งการปฏิบัติงานที่ล่าช้าของรมว.มหาดไทยกรณีไม่อนุญาต ให้ ด.ช.หม่องเดินทางออกไปแข่งขัน มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพต่อ ด.ช.หม่อง โดยตนถือว่า กรณีขอเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อแข่งขันไม่ได้มีปัญหาในเชิงของ ข้อกฎหมาย แต่เป็นการตีความกฎหมายคาดเคลื่อน โดยที่ไม่ได้คำนึงว่า ประเทศไทย เป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งตามข้อเท็จจริง รมว.มหาดไทยมีอำนาจที่จะอนุญาตให้ด.ช.หม่องเดินทางออกและกลับเข้าประเทศได้ เพราะเมื่อตั้งต้นว่า ด.ช.หม่องเป็นบุคคลที่ไม่มีสัญชาติ การเดินทางเข้า-ออกประเทศจึงจะเป็นไปตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง มาตรา 17 ที่กำหนดให้รมว.หมาดไทยมีอำนาจอนุญาต แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า บุคคลที่ขออนุญาตต้องไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือต้องประกอบคุณงามความดี
ด้านด.ช.หม่อง กล่าวว่า ในวันนี้เวลา 16.00 น. จะเดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยตนจะขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ได้เปิดโอกาสให้เดินทาง ไปแข่งขัน ซึ่งจะรู้สึกดีใจมากหากได้เดินทางไปแข่งขันครั้งนี้ อีกทั้งตนจะพยายามสู้ เพื่อประเทศไทย เพราะตนถือเป็นคนไทยคนหนึ่ง แต่ถ้าไม่มีโอกาสได้ไปก็จะรู้สึกเสียใจ และจะพยายามฝึกฝนพับเครื่องบินกระดาษต่อไป ซึ่งตอนนี้ตนรู้สึกเหนื่อยมาก ที่ต้องเดินทางมาติดต่อ เพื่อให้ได้เดินทางไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความสามารถของด.ช.หม่องยังคงเป็นที่สนใจของ สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ศาลปกครอง โดยด.ช.หม่องได้สาธิตและสอนเทคนิคการพับเครื่องบินกระดาษให้สามารถบินได้ไกลกว่าปกติ อีกทั้ง ด.ช.หม่องยังโชว์การ ขว้างเครื่องบินกระดาษให้สื่อมวลชนได้บันทึกภาพ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่และประชาชน ที่มาติดต่อราชการยังให้ความสนใจ โดยให้ด.ช.หม่องพับเครื่องบินกระดาษและเขียนชื่อ เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก พร้อมกับมีผู้นำกล่องมาตั้งเพื่อขอรับบริจาคเงิน ช่วยให้ด.ช.หม่องได้เดินทางไปแข่งขัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลปกครองว่า หลังจากการที่ ดช.หม่อง ได้ร้องยื่นคำฟ้อง พร้อมขอให้ไต่สวนฉุกเฉินดังกล่าวศาลปกครองได้รับไต่สวนฉุกเฉินตามคำขอ แต่ยังไม่มีผลหรือคำสั่งใดๆออกมา
ด้าน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง รัฐบาลต้องปฏิบัติตามบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเกี่ยวกับกรณีของเด็กชายหม่อง ทองดี โดยมีเนื้อหาว่าสรุปว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนโดยคำนึงถึง บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 ,52,80 และ 82 ซึ่งว่าด้วยสิทธิเด็ก การคุ้มครองและการพัฒนาเด็ก
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้เป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของเด็กทุกคนที่อยู่ในความดูแลของประเทศไทย การให้ความสำคัญแก่เด็กทุกคนเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของเด็ก ในเรื่องเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ชาติพันธุ์ หรือสังคม ทรัพย์สิน ความทุพพลภาพ การเกิด หรือสถานะอื่นๆ ของเด็ก หรือบิดามารดา หรือผู้ปกครองทางกฎหมาย
ทั้งนี้ ตามมภาคีอนุสัญญาฯ ยังระบุว่า การกระทำหรือการดำเนินการทั้งหลายต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก สิทธิในการมีชีวิต การอยู่รอด และการพัฒนาทางด้านจิตใจ อารมณ์ สังคม และสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเด็ก และการให้ความสำคัญกับความคิดเห็น
โดยด.ช.หม่องถือกระดาษพับเครื่องบินสีเหลืองติดตัวมาด้วย โดยมีอาการ ตื่นเต้นเมื่อเข้าภายในอาคารรัฐสภาถึงกับมีอาหารงงๆ เนื่องจากได้รับความสนใจ จากสื่อมวลชนเข้ารุมล้อมจำนวนมาก รวมถึงบรรดาช่างภาพนิ่งและโทรทัศน์ ที่ขอให้ ด.ช.หม่องโพสต์ท่าถ่ายภาพขณะสาธิตพับเครื่องบินและร่อนเครื่องบินในอากาศ ขณะที่ข้าราชการรัฐสภา รวมถึงส.ส.เข้ามาสังเกตการณ์ โดยส.ส.คนหนึ่งพูดกับเพื่อนส.ส.ว่า ให้เด็กมันไปญี่ปุ่นเถอะ สงสาร ให้เด็กมันได้ไปแข่ง
ด.ช.หม่อง กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า ผมตื่นเต้นมาก แต่ก็ดีใจ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเถียงอะไรกัน ซึ่งระหว่างนั้นร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส. พรรคเพื่อไทยกำลังปะทะคารมกับส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กรณีคลิปเสียงคล้ายนายกฯ ก่อนที่ นายอภิสิทธิ์จะขอชี้แจงในครั้งที่ 3 แล้วออกตัวว่าต้องรีบไปพบ เด็กชายหม่องที่มารออยู่
ต่อมาเวลา 16.15 น. นายอภิสิทธิ์ ออกจากห้องประชุมสภาฯ มาพบ ด.ช.หม่อง พร้อมกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดยมีนางเตือนใจ และตัวแทนกรรมการสิทธิมนุษยชน เข้าหารือด้วยภายในห้องรับรองนายกฯ โดยนายอภิสิทธิ์ได้สอบถามนายกษิต ถึงเอกสารการเดินทางไปและเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นของ ด.ช.หม่อง
นายกษิตยืนยันว่า ในคืนนี้ ทุกอย่างน่าจะเสร็จเรียบร้อย ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ เพียงแต่รอเอกสารต่างๆ จากกระทรวงมหาดไทยอย่างเดียว คิดว่าไม่น่ามีปัญหา แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเอกสารการเดินทางไปและกลับเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องสัญชาติของด.ช.หม่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ได้ชวนด.ช.หม่อง คุยอย่างเรื่องผลการเรียน ภูมิลำเนาเกิด ทั้งนี้ ครูประจำชั้นยืนยันว่า ด.ช.หม่องเกิดในประเทศไทยและเรียนในประเทศไทย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในเรื่องการให้สัญชาติของชาวต่างด้าวนั้น ได้มีการคุยกันในที่ประชุม สมช. ยอมรับว่าที่จ.เชียงใหม่ เชียงราย กาญจนบุรี มีคนไร้สัญชาติมาก ซึ่งขณะนี้รัฐบาลก็ให้ความสำคัญ กำลังจะพิจารณาอยู่ รวมถึงการให้หลักประกันด้านสุขภาพด้วย โดยกำลังหารือกับกระทรวงสาธารณสุข ในกรณีของแรงงาน ต่างด้าวนั้น ความจริงจะต้องถูกส่งตัวกลับเมื่อถึงเวลา แต่ขณะนี้รัฐบาลพยายามดูแล พร้อมให้ช่วยเหลือ แต่ยืนยันว่าต้องไม่เป็นภารต่อผู้เสียภาษีชาวไทย
ส่วนเรื่องปัญหาหลักประกันสุขภาพการรักษาพยาบาลของคนไร้สัญชาติ รวมทั้งกรณีที่คนแหล่านี้จะได้ทุนไปเรียนต่างประเทศนั้น ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้ทำเรื่องมา ที่ตนโดยตรงหรือมาที่กระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลจะดูแลให้ แต่ไม่ได้หมายความ ว่าที่ร้องขอจะได้ทุกกรณี แต่รัฐบาลให้ความสำคัญ จะทำเรื่องนี้โดยยึดหลักปฏิบัติสากล
กรณีของด.ช.หม่องถือเป็นกรณีตัวอย่าง ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะตัดสินใจพิจาณา โดยจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่ ด.ช.หม่อง กล่าวว่า ขอขอบคุณนายกฯ ผมรักท่านมากครับ นายกฯใจดี ขณะที่นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ใช่นายกฯคนเดียวที่ใจดี ผู้ใหญ่ทุกคนก็ใจดี เป็นห่วงเป็นใย ก็ขอให้ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำสิ่งที่ทำอยู่นี้ให้ดี ตั้งใจทำต่อไป จากนั้น ด.ช.หม่องมอบเครื่องบินกระดาษให้นายกฯ ขณะที่นายกฯ มอบถุงของขวัญให้ ด.ช.หม่องเป็นที่ระลึก ภายในมีของเล่นและนม ทั้งนี้ ด.ช.หม่อง กล่าวก่อนขึ้นรถกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ดีใจมาก ทั้งเรื่องที่จะได้ไปแข่งที่ญี่ปุ่น และดีใจที่ได้พบนายกฯ เดี๋ยวจะไปไปบอกพ่อและแม่ว่า ผมได้ไปญี่ปุ่นแล้ว และในอนาคตถ้าโตขึ้น ผมอยากเป็นนักบิน
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องนี้มีทางออก แต่อาจจะติดขัดบ้าง เพราะเป็นเรื่องของกฏหมายที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ถึงแม้จะมีกระแสกดดันกระทรวงมหาดไทยบ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติของการทำงาน ถ้ากฏหมายมีช่องว่าง เราก็พร้อมจะช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวแล้วตนอยากให้ ด.ช.หม่อง ได้ไปแข่งขัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวจะเป็นตัวอย่างให้กับบุคคลไร้สัญชาติในการเรียกร้อง หรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า เป็นห่วงว่า อาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เพราะคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมีอยู่ไม่น้อย จึงต้องระมัดระวังที่จะทำการอนุมัติผู้ที่ไม่มีสัญชาติอย่างรอบคอบ
ก่อนหน้านี้ เวลา 13.00 น.ด.ช.หม่อง ทองดี พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ได้ยื่นฟ้อง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ต่อศาลปกครอง ฐานละเลยในการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร โดยขอให้ศาลมีคำสั่งให้รมว.มหาดไทยอนุญาตให้ ด.ช.หม่อง เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษ ที่ประเทศญี่ปุ่น และเดินทางกลับเข้าประเทศได้ และในระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษา ขอให้ศาล ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว โดยสั่งให้รมว.มหาดไทย อนุญาตให้ด.ช.หม่องเดินทางออกประเทศ เพื่อแข่งขันและเดินทางกลับเข้าประเทศได้
นายติธร กล่าวว่า แม้ด.ช.หม่องไม่ได้เป็นคนไทย แต่ก็สามารถที่จะฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ เพราะด.ช.หม่องอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายไทย ซึ่งรัฐธรรมนูญได้ให้การคุ้มครองอยู่ อีกทั้งเหตุก็เกิดในประเทศไทย จึงถือเป็น ผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องคดี ซึ่งการปฏิบัติงานที่ล่าช้าของรมว.มหาดไทยกรณีไม่อนุญาต ให้ ด.ช.หม่องเดินทางออกไปแข่งขัน มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพต่อ ด.ช.หม่อง โดยตนถือว่า กรณีขอเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อแข่งขันไม่ได้มีปัญหาในเชิงของ ข้อกฎหมาย แต่เป็นการตีความกฎหมายคาดเคลื่อน โดยที่ไม่ได้คำนึงว่า ประเทศไทย เป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งตามข้อเท็จจริง รมว.มหาดไทยมีอำนาจที่จะอนุญาตให้ด.ช.หม่องเดินทางออกและกลับเข้าประเทศได้ เพราะเมื่อตั้งต้นว่า ด.ช.หม่องเป็นบุคคลที่ไม่มีสัญชาติ การเดินทางเข้า-ออกประเทศจึงจะเป็นไปตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง มาตรา 17 ที่กำหนดให้รมว.หมาดไทยมีอำนาจอนุญาต แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า บุคคลที่ขออนุญาตต้องไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือต้องประกอบคุณงามความดี
ด้านด.ช.หม่อง กล่าวว่า ในวันนี้เวลา 16.00 น. จะเดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยตนจะขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ได้เปิดโอกาสให้เดินทาง ไปแข่งขัน ซึ่งจะรู้สึกดีใจมากหากได้เดินทางไปแข่งขันครั้งนี้ อีกทั้งตนจะพยายามสู้ เพื่อประเทศไทย เพราะตนถือเป็นคนไทยคนหนึ่ง แต่ถ้าไม่มีโอกาสได้ไปก็จะรู้สึกเสียใจ และจะพยายามฝึกฝนพับเครื่องบินกระดาษต่อไป ซึ่งตอนนี้ตนรู้สึกเหนื่อยมาก ที่ต้องเดินทางมาติดต่อ เพื่อให้ได้เดินทางไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความสามารถของด.ช.หม่องยังคงเป็นที่สนใจของ สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ศาลปกครอง โดยด.ช.หม่องได้สาธิตและสอนเทคนิคการพับเครื่องบินกระดาษให้สามารถบินได้ไกลกว่าปกติ อีกทั้ง ด.ช.หม่องยังโชว์การ ขว้างเครื่องบินกระดาษให้สื่อมวลชนได้บันทึกภาพ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่และประชาชน ที่มาติดต่อราชการยังให้ความสนใจ โดยให้ด.ช.หม่องพับเครื่องบินกระดาษและเขียนชื่อ เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก พร้อมกับมีผู้นำกล่องมาตั้งเพื่อขอรับบริจาคเงิน ช่วยให้ด.ช.หม่องได้เดินทางไปแข่งขัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลปกครองว่า หลังจากการที่ ดช.หม่อง ได้ร้องยื่นคำฟ้อง พร้อมขอให้ไต่สวนฉุกเฉินดังกล่าวศาลปกครองได้รับไต่สวนฉุกเฉินตามคำขอ แต่ยังไม่มีผลหรือคำสั่งใดๆออกมา
ด้าน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง รัฐบาลต้องปฏิบัติตามบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเกี่ยวกับกรณีของเด็กชายหม่อง ทองดี โดยมีเนื้อหาว่าสรุปว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนโดยคำนึงถึง บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 ,52,80 และ 82 ซึ่งว่าด้วยสิทธิเด็ก การคุ้มครองและการพัฒนาเด็ก
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้เป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของเด็กทุกคนที่อยู่ในความดูแลของประเทศไทย การให้ความสำคัญแก่เด็กทุกคนเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของเด็ก ในเรื่องเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ชาติพันธุ์ หรือสังคม ทรัพย์สิน ความทุพพลภาพ การเกิด หรือสถานะอื่นๆ ของเด็ก หรือบิดามารดา หรือผู้ปกครองทางกฎหมาย
ทั้งนี้ ตามมภาคีอนุสัญญาฯ ยังระบุว่า การกระทำหรือการดำเนินการทั้งหลายต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก สิทธิในการมีชีวิต การอยู่รอด และการพัฒนาทางด้านจิตใจ อารมณ์ สังคม และสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเด็ก และการให้ความสำคัญกับความคิดเห็น