สพฐ.พร้อมรับผลประชุมระดมความเห็นพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ เตรียมเพิ่มสัดส่วนเรียนนอกห้องเรียน เน้นสอนคิดวิเคราะห์มากขึ้น ส่วน GAT ม.3 ที่ประชุมเห็นด้วย แต่ควรแจ้งเด็กเพื่อเตรียมตัวก่อน 3 ปี เผยจับมือ สกอ.เข้ม ร.ร.ปล่อยเกรด จัดระเบียบการรับตรง
วันนี้ (15 ก.ย.) ดร.สมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้นำผลจากการประชุมระดมความคิดเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ ที่ นายจุรินท์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานมาหารือ โดยสรุปว่าสิ่งที่ สพฐ.จะรับมาดำเนินการต่อ คือ การปรับหลักสูตร ซึ่งแม้จะเป็นที่ยอมรับว่าสาระและสมรรถนะที่กำหนดไว้ทั้ง 5 ด้านของผู้เรียนมีการคิดวิเคราะห์ แต่ยังขาดเรื่องของประชาธิปไตยและทักษะชีวิตที่ให้ปลอดจากยาเสพติด รวมทั้งการตัดสาระส่วนที่ไม่จำเป็นหรือไม่ทันเหตุการณ์ออก และเพิ่มสัดส่วนกิจกรรมนอกห้องเรียนให้มากขึ้น ส่วนเรื่องกระบวนการสอนการคิดวิเคราะนั้น สพฐ.จะมอบเป็นแนวทางง่ายๆให้ครูไปสอนนักเรียนในห้องเรียนต่อไป
รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอที่จะให้มีการสอบแบบทดสอบวัดความถนัดทั่วไป (GAT) นักเรียนชั้น ม.3 นั้น ที่ประชุมเห็นด้วยที่จะให้มีการจัดสอบ แต่เห็นว่าข้อสอบ GAT ควรจะวัดความรู้ความสามารถของนักเรียนครบทุกภาคเรียน และสามารถแยกความถนัดของนักเรียนเพื่อเป็นประโยชน์ในการเลือกเรียนต่อตามความถนัด ซึ่งจะมีประโยชน์ในการพัฒนามากกว่า และหากจะจัดสอบก็ต้องมีการแจ้งให้เด็กทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ปี เพื่อไม่ให้เกิดความเครียด ส่วนเรื่องการจัดระเบียบการรับตรงนั้น สพฐ.ควรจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และเข้าไปดูแลโรงเรียนทั้งที่ปล่อยเกรดและกดเกรด เพื่อให้เด็กได้รับความยุติธรรมและเป็นที่ยอมรับของมหาวิทยาลัย
ส่วนการนำคะแนน แบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) มาใช้ในการรับนักเรียนเข้าเรียนต่อนั้น เรื่องนี้คงต้องมีการหารือกันในระดับนโยบายก่อน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สพฐ.ได้มีการเปิดโอกาสให้นำคะแนน O-NET มาใช้อยู่แล้ว และหากจะนำมาใช้จริงก็ต้องมีการเลื่อนกำหนดการรับนักเรียนออกไป เพื่อให้เวลาสอดคล้องกัน
วันนี้ (15 ก.ย.) ดร.สมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้นำผลจากการประชุมระดมความคิดเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ ที่ นายจุรินท์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานมาหารือ โดยสรุปว่าสิ่งที่ สพฐ.จะรับมาดำเนินการต่อ คือ การปรับหลักสูตร ซึ่งแม้จะเป็นที่ยอมรับว่าสาระและสมรรถนะที่กำหนดไว้ทั้ง 5 ด้านของผู้เรียนมีการคิดวิเคราะห์ แต่ยังขาดเรื่องของประชาธิปไตยและทักษะชีวิตที่ให้ปลอดจากยาเสพติด รวมทั้งการตัดสาระส่วนที่ไม่จำเป็นหรือไม่ทันเหตุการณ์ออก และเพิ่มสัดส่วนกิจกรรมนอกห้องเรียนให้มากขึ้น ส่วนเรื่องกระบวนการสอนการคิดวิเคราะนั้น สพฐ.จะมอบเป็นแนวทางง่ายๆให้ครูไปสอนนักเรียนในห้องเรียนต่อไป
รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอที่จะให้มีการสอบแบบทดสอบวัดความถนัดทั่วไป (GAT) นักเรียนชั้น ม.3 นั้น ที่ประชุมเห็นด้วยที่จะให้มีการจัดสอบ แต่เห็นว่าข้อสอบ GAT ควรจะวัดความรู้ความสามารถของนักเรียนครบทุกภาคเรียน และสามารถแยกความถนัดของนักเรียนเพื่อเป็นประโยชน์ในการเลือกเรียนต่อตามความถนัด ซึ่งจะมีประโยชน์ในการพัฒนามากกว่า และหากจะจัดสอบก็ต้องมีการแจ้งให้เด็กทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ปี เพื่อไม่ให้เกิดความเครียด ส่วนเรื่องการจัดระเบียบการรับตรงนั้น สพฐ.ควรจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และเข้าไปดูแลโรงเรียนทั้งที่ปล่อยเกรดและกดเกรด เพื่อให้เด็กได้รับความยุติธรรมและเป็นที่ยอมรับของมหาวิทยาลัย
ส่วนการนำคะแนน แบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) มาใช้ในการรับนักเรียนเข้าเรียนต่อนั้น เรื่องนี้คงต้องมีการหารือกันในระดับนโยบายก่อน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สพฐ.ได้มีการเปิดโอกาสให้นำคะแนน O-NET มาใช้อยู่แล้ว และหากจะนำมาใช้จริงก็ต้องมีการเลื่อนกำหนดการรับนักเรียนออกไป เพื่อให้เวลาสอดคล้องกัน
