สรพ.เผยทั่วประเทศมีโรงพยาบาลผ่านการรับรองคุณภาพ 301 แห่ง ตรวจประเมินทุก 3 ปี เน้นเรียนรู้ พัฒนาปรับปรุงควบคู่ ยันไม่จับผิดให้คำแนะนำเชิงบวก ยกระดับโรงพยาบาลให้มีคุณภาพ
วันนี้ (14 ก.ย.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ มีการประชุมสัมมนา “ร่วมคิดร่วมสร้าง ระบบคุณภาพสถานพยาบาลในประเทศไทย” นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ.กล่าวว่า แนวคิดเรื่องการรับรองสถานพยาบาล หรือ HA (Hospital Accreditation) นำมาใช้ในประเทศไทยมากกว่า 10 ปี แม้ว่าจะตามหลังสหรัฐอเมริกา แคนาดา ที่มีมาก่อนกว่า 60 ปี แต่ไทยก็สามารถพัฒนาไปได้เร็ว โดยเน้นการดำเนินงานที่ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาและการรับรองควบคู่กัน รวมถึงการเน้นคุณลักษณะความเป็นไทย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของบริการสุขภาพ ปัจจุบันมีการรับรองคุณภาพสถานพยาบาลตามแนวทางบันได 3 ขั้น ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ผ่านการประเมินทั้งระบบ ถือเป็นโรงพยาบาลที่ได้การรับรองคุณภาพสถานพยาบาลอย่างเต็มรูปแบบ สามารถบรรลุเป้าวัตถุประสงค์ตามมาตรฐานได้อย่างครบถ้วน มีจำนวน 301 แห่ง แบ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐ 270 แห่ง และโรงพยาบาลเอชน 31 แห่ง
นพ.อนุวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับสภานพยาบาลที่ผ่านการรับรองบันไดขั้นที่ 1 คือ เน้นการทบทวน แก้ไข ป้องกัน และการวางระบบบริหารความเสี่ยงขั้นตน มีโรงพยาบาลที่ผ่านขั้นตอนนี้ จำนวน 893 แห่ง ขั้นที่ 2 ซึ่งเน้นระบบการประกันคุณภาพและการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับความต้องการของหน่วยงาน จำนวน 717 แห่ง ซึ่งจะมีการตรวจประเมินสถานพยาบาลทุก 3 ปี และพิจารณามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องหรือไม่
“เมื่อไปตรวจสถานพยาบาลทั้งผู้ตรวจและผู้รับการตรวจมักจะเกร็ง เกรงว่าจะเป็นการจับผิด ซึ่งระบบในการตรวจประเมินนั้น เป็นการใช้มุมบวกในการแนะนำ ชี้ให้เห็นจุดอ่อนหรือข้อบกพร่องเพื่อให้มีการปรับปรุงพัฒนา โดยเน้นส่งเสริมให้มีการพัฒนามิติด้านจิตวิญญาณร่วมด้วย ส่วนการที่เกรงว่าเมื่อไปตรวจสถานพยาบาลจะเป็นเพียงผักชีโรยหน้านั้น คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมีผู้มาตรวจเยี่ยมก็ต้องทำความสะอาด แต่ในการตรวจสอบหาข้อมูลว่าสถานพยาบาลมีปัญหาอะไรหรือไม่ จะต้องตรวจอย่างละเอียด เช่น ระบบการรายงานผล การพูดคุยกับผู้ที่ปฏิบัติงานหรือญาติผู้ป่วย จะทำให้ได้ข้อมูลเป็นเป็นจริง” นพ.อนุวัฒน์กล่าว
นพ.อนุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องการฟ้องร้องระหว่างคนไข้และแพทย์นั้น เป็นกระแสสังคมที่เคลื่อนมาอย่างเร็ว แม้จะไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่ในระบบ HA ก็พัฒนาเรื่องความปลอดภัยมีการออกแบบระบบเพื่อป้องกันความผิดพลาด ควบคู่กับการปรับปรุงหากเกิดเหตุไม่พึงประสงค์เพื่อยกระดับการป้องกันให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดเป็นเป้าหมายและแนวทางความปลอดภัยของผู้ป่วย โดยให้โรงพยาบาลนำไปตรวจสอบตนเอง และหากเกิดการผิดพลาดก็จะมีการพิจารณาเป็นกรณีๆ แก้ไขปัญหาความขัดแย้งเฉพาะราย เนื่องจากเป็นปัญหาในเชิงระบบโดยเฉพาะในเรื่องการสื่อสารความเข้าใจกับคนไข้หรือญาติ
นพ.อนุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ในการตรวจประเมินสถานพยาบาลก็จะพบว่ามีปัญหาแทบทุกด้านโดยเฉพาะในเรื่องการบริการความเสี่ยง ทำให้ไม่ผ่านการทดสอบ หรือยังไม่มีการพัฒนาระบบ ไม่เห็นผลลัพธ์ และขาดการพัฒนาที่ต่อเนื่อง เพราะโรงพยาบาลอำเภอหลายแห่งพบว่าเปลี่ยนผู้อำนวยการโรงพยาบาลหรือหมุนเวียนทุกปี
