สธ.จับมือ จ.นนทบุรี และภาคีเครือข่าย จัดงานนนทบุรีมาราธอน รณรงค์รวมพลังสร้างสุขภาพดี ชีวีมีสุข 24-27 กันยายน 2552 เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ เผยในช่วง 10 ปี พบคนไทยป่วยโรคเรื้อรังเพิ่ม อาทิ โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด เพิ่มขึ้น 5 เท่า เบาหวานเพิ่มขึ้น 4 เท่า เร่งปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตประชาชนใส่ใจ 3 อ.บอกลา 2 ส.
วันที่ 11 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.อุทัย สุดสุข ประธานกรรมการมูลนิธิอุทัย สุดสุข นายสุวิชา แก้วมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนนทบุรี นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าว “โครงการรณรงค์รวมพลังสร้างสุขภาพดี ชีวีมีสุข : นนทบุรีมาราธอน”
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวว่า ในปี 2552-2554 กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับ จ.นนทบุรี และมูลนิธิอุทัย สุดสุข และภาคีเครือข่าย จัดโครงการรณรงค์รวมพลังสร้างสุขภาพดี ชีวีมีสุข เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนออกกำลังกายเพื่อป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง พัฒนาบุคลากรสาธารณสุขให้เป็นแบบอย่างในการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี นำร่องที่นนทบุรีเป็นจังหวัดแรก วันที่ 24-27 กันยายน 2552 ร่วมมือกับ จ.นนทบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี จัดเป็นโครงการรณรงค์รวมพลังสร้างสุขภาพดี ชีวิมีสุข : นนทบุรีมาราธอน” และเตรียมขยายผลสู่จังหวัดอื่นๆ ในระยะต่อไป
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็ว ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น กินอาหารจานด่วน อาหารขยะ ขาดการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ขับขี่รถด้วยความประมาท เกิดความเครียด ติดสารเสพติดและอบายมุข ทำให้เกิดโรควิถีชีวิตซึ่งรักษาไม่หายขาด ต้องกินยาควบคุมอาการตลอดชีวิต เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โดยในปี 2550 โรคดังกล่าวมีอัตราการนอนโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจาก 10 ปีก่อน ดังนี้ ความดันโลหิตสูงและหัวใจขาดเลือดเพิ่ม 5 เท่า เบาหวานเพิ่ม 4 เท่า และหลอดเลือดสมองเพิ่ม 3 เท่า
ในการป้องกันไม่ให้ป่วยจากโรคเหล่านี้ กระทรวงฯได้รณรงค์ให้ประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปเร่งปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ให้ใส่ใจ 3 อ.คือ อาหาร ออกกำลังกายและอารมณ์ บอกลา 2 ส. คือ สูบบุหรี่และสุรา โดยเลือกกินอาหารรสไม่จัด ลดอาหารหวาน มันและเค็ม เพิ่มกินผัก ผลไม้ ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน ไม่สูบบุหรี่ และลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะเดียวกันสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ฯยังมีการระบาด การออกกำลังกายทำให้มีภูมิคุ้มกันโรค จะช่วยให้โอกาสมีอาการป่วยน้อยลง นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าว
ด้านนายแพทย์อุทัย สุดสุข ประธานมูลนิธิอุทัย สุดสุข กล่าวว่า กิจกรรมในโครงการฯ วันที่ 24-25 กันยายน 2552 ที่กระทรวงสาธารณสุข จะจัดสัมมนาวิชาการสร้างสุขภาพดี ชีวีมีสุข และปาฐกถาพิเศษเรื่อง “อยู่ดีมีสุข” และ “สร้างสุขภาพดี ชีวีมีสุข ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” การออกกำลังกาย เช่น แอโรบิก ลีลาศ กีฬาพื้นบ้าน เช่น ตะกร้อ สะบ้า การประกวดสุขภาพเด็ก และผู้สูงอายุ การตรวจสุขภาพทั่วไป ทางด้านนายสุวิชา แก้วมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า จ.นนทบุรีร่วมจัดกิจกรรมในวันที่ 26-27 กันยายน 2552 ที่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี โดยมีการละเล่นพื้นบ้าน การประกวดทีมเชียร์ ส่วนวันที่ 27 กันยายน 2552 มีพิธีเปิด-ปิดการเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ และวิ่งมินิมาราธอน ประชาชนที่สนใจสมัครเดินและวิ่งได้ที่ 0-2590-1141 และ 0-2590-2441 โดยรายได้ทั้งหมดนำขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายสมทบทุนมูลนิธิในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสนับสนุนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโครงการอื่นๆ ตามพระราชอัธยาศัย
วันที่ 11 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.อุทัย สุดสุข ประธานกรรมการมูลนิธิอุทัย สุดสุข นายสุวิชา แก้วมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนนทบุรี นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าว “โครงการรณรงค์รวมพลังสร้างสุขภาพดี ชีวีมีสุข : นนทบุรีมาราธอน”
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวว่า ในปี 2552-2554 กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับ จ.นนทบุรี และมูลนิธิอุทัย สุดสุข และภาคีเครือข่าย จัดโครงการรณรงค์รวมพลังสร้างสุขภาพดี ชีวีมีสุข เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนออกกำลังกายเพื่อป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง พัฒนาบุคลากรสาธารณสุขให้เป็นแบบอย่างในการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี นำร่องที่นนทบุรีเป็นจังหวัดแรก วันที่ 24-27 กันยายน 2552 ร่วมมือกับ จ.นนทบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี จัดเป็นโครงการรณรงค์รวมพลังสร้างสุขภาพดี ชีวิมีสุข : นนทบุรีมาราธอน” และเตรียมขยายผลสู่จังหวัดอื่นๆ ในระยะต่อไป
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็ว ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น กินอาหารจานด่วน อาหารขยะ ขาดการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ขับขี่รถด้วยความประมาท เกิดความเครียด ติดสารเสพติดและอบายมุข ทำให้เกิดโรควิถีชีวิตซึ่งรักษาไม่หายขาด ต้องกินยาควบคุมอาการตลอดชีวิต เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โดยในปี 2550 โรคดังกล่าวมีอัตราการนอนโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจาก 10 ปีก่อน ดังนี้ ความดันโลหิตสูงและหัวใจขาดเลือดเพิ่ม 5 เท่า เบาหวานเพิ่ม 4 เท่า และหลอดเลือดสมองเพิ่ม 3 เท่า
ในการป้องกันไม่ให้ป่วยจากโรคเหล่านี้ กระทรวงฯได้รณรงค์ให้ประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปเร่งปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ให้ใส่ใจ 3 อ.คือ อาหาร ออกกำลังกายและอารมณ์ บอกลา 2 ส. คือ สูบบุหรี่และสุรา โดยเลือกกินอาหารรสไม่จัด ลดอาหารหวาน มันและเค็ม เพิ่มกินผัก ผลไม้ ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน ไม่สูบบุหรี่ และลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะเดียวกันสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ฯยังมีการระบาด การออกกำลังกายทำให้มีภูมิคุ้มกันโรค จะช่วยให้โอกาสมีอาการป่วยน้อยลง นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าว
ด้านนายแพทย์อุทัย สุดสุข ประธานมูลนิธิอุทัย สุดสุข กล่าวว่า กิจกรรมในโครงการฯ วันที่ 24-25 กันยายน 2552 ที่กระทรวงสาธารณสุข จะจัดสัมมนาวิชาการสร้างสุขภาพดี ชีวีมีสุข และปาฐกถาพิเศษเรื่อง “อยู่ดีมีสุข” และ “สร้างสุขภาพดี ชีวีมีสุข ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” การออกกำลังกาย เช่น แอโรบิก ลีลาศ กีฬาพื้นบ้าน เช่น ตะกร้อ สะบ้า การประกวดสุขภาพเด็ก และผู้สูงอายุ การตรวจสุขภาพทั่วไป ทางด้านนายสุวิชา แก้วมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า จ.นนทบุรีร่วมจัดกิจกรรมในวันที่ 26-27 กันยายน 2552 ที่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี โดยมีการละเล่นพื้นบ้าน การประกวดทีมเชียร์ ส่วนวันที่ 27 กันยายน 2552 มีพิธีเปิด-ปิดการเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ และวิ่งมินิมาราธอน ประชาชนที่สนใจสมัครเดินและวิ่งได้ที่ 0-2590-1141 และ 0-2590-2441 โดยรายได้ทั้งหมดนำขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายสมทบทุนมูลนิธิในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสนับสนุนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโครงการอื่นๆ ตามพระราชอัธยาศัย
