xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ยันต้องรื้อ 3 ระบบสุขภาพ สางปัญหาเน้นเท่าเทียม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อภิสิทธิ์” ย้ำ 3 ระบบสุขภาพต้องรื้อปฏิรูป สะสางปัญหาเน้นเท่าเทียม เป็นธรรม ชี้แก้ปัญหาบุคลกรสาธารณสุขขาดแคลน แพทย์ถูกฟ้องร้อง ต้องปรับปรุงระบบสาธารณสุขปฐมภูมิ เพิ่มแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวในชุมชน ช่วยลดภาระค่ายา สร้างระบบสุขภาพให้สมดุลและพอเพียง เผยงบฯ รักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการสูงจากค่ายาจากโรงพยาบาลแค่กว่า 30 แห่ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 10 กันยายน ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “แพทย์ชนบท : แรงบันดาลใจในระบบสุขภาพพอเพียง” ในการเป็นประธานเปิดงานมอบรางวัลแพทย์ชนบทดีเด่นกองทุน นายแพทย์กนกศักดิ์ พูลเกษร และประชุมวิชาการโรงพยาบาลชุมชนประจำปี 2552 ว่า ขณะนี้สภาพปัญหาทางระบบสุขภาพจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องความเป็นธรรมในระบบสุขภาพของไทย ความเท่าเทียม เสมอภาคในแต่ระบบการรักษา ปัญหาค่าใช้จ่ายงบประมาณด้านสุขภาพในระบบสวัสดิการราชการที่สูงมาก รวมถึงการขาดแคลนบุคลากร

“ปัญหาเรื่องการขาดแคลนบุคลากร ข้อเท็จจริงคือบุคลากรไม่ได้กระจายอย่างเป็นธรรม พื้นที่เจริญที่สุดเทียบกับพื้นที่ที่ขาดแคลนสุดมีการขาดแคลนบุคลากรมากกว่า 10 เท่า ดังนั้นโจทย์คือการเร่งผลิตบุคลากรทางด้านสาธารณสุข และการใช้บริการสาธารณสุขนำรายได้เข้าสู่ประเทศ โดยไม่กระทบกระเทือนบุคลากรสาธารณสุขที่ให้บริการกับประชาชนไทย ซึ่งขณะนี้แพทย์ทั้งประเทศมีประมาณ 4-5 หมื่นคน แต่คนที่ทำงานในโรงพยาบาลชุมชนไม่ถึง 10% ขณะที่ต้องดูแลประชากรมากถึง 2ใน 3 ของประชากรทั้งหมด”นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพของข้าราชการสูงกว่าประชาชนที่ถือสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเกือบ 10 เท่า ดังนั้น ระบบประกันสุขภาพประชาชน 3 ระบบ ทั้งสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม และหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าต้องมีการสะสาง ปฏิรูป ปรับรื้ออีกพอสมควร เพราะที่ผ่านมาเป็นการใช้งบประมาณเป็นค่าซ่อมสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก สิ่งนี้เป็นจุดอ่อนที่ทำให้รัฐบาลต้องกำหนดยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุข โดยสนับสนุนระบบบริการปฐมภูมิเป็นเรื่องหลัก เช่น ค่าตอบแทนอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) เดือนละ 600 บาทและยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งจะส่งผลให้เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย

“การดำเนินงานเพียง 2 เรื่องนี้ยังไม่เพียงพอ จะต้องมีการปรับแก้ระบบให้ดีขึ้น โยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินหน้าในชุมชนมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวมากขึ้น เหมือนหลายประเทศในทวีปยุโรปที่ระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิจะเน้นแพทย์สาขานี้เป็นพิเศษ เช่น ประเทศอังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและแพทย์สาขาอื่น สัดส่วน 50:50 โดยมีรายได้ที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งรัฐพร้อมผลักดันให้ระบบในประเทศไทยสำเร็จเช่นนี้ เพราะเป็นหัวใจทำให้ระบบสุขภาพไทยสมดุลและพอเพียงขึ้น”นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ประเทศที่มีเวชศาสตร์ครอบครัวแข็งแกร่ง จะเสียค่าใช้จ่ายเรื่องยาต่ำมากราว 7.5% ขณะที่ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 30% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี เป็นการสะท้อนความสิ้นเปลืองและเงินไหลออกนอกประเทศ โดยเฉพาะสิทธิสวัสดิการข้าราชการที่มีการใช้งบประมาณด้านรักษาพยาบาลสูงมาก พบว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นเกือบทั้งหมดเป็นเรื่องยา และเกิดเฉพาะในโรงพยาบาลรัฐกว่า 30 แห่งเท่านั้น

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2553 รัฐจัดสรรงบประมาณ 2,890 ล้านบาทสำหรับเป็นค่าตอบแทนให้แพทย์ที่ทำงานในชุมชน และจะมีการปรับและจัดสรรงบฯให้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลในทางที่ดีทำให้แพทย์ที่ลาออกจากราชการขอกลับเข้ารับราชการในโรงพยาบาลชุมชนใหม่ แม้ในปีแรกจะมีเพียง 40 คน แต่เป็นนิมิตหมายที่ดี สำหรับเรื่องคุณภาพจะต้องปรับเรื่องการติดตาม โดยดึงทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้ามามีส่วนร่วมและเห็นความสำคัญเรื่องนี้อย่างบจริงจังและจริงใจ เช่น ร่วมส่งเสริมการผลิตบุคลากรด้านสาธารณสุขที่เป็นคนในท้องถิ่นให้กลับมากทำงานในพื้นที่มากขึ้น จะเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและได้ผลดีที่สุด เนื่องจากการแก้ปัญหาในปัจจุบันเป็นเพียงเฉพาะหน้า การสนับสนุนทรัพยากรไม่ถึงพื้นที่อย่างแท้จริง

“นโยบายด้านสุขภาพจะต้องเร่งรณรงค์ให้ทุกองค์กรตระหนักในมิติสุขภาพมากขึ้น ไม่ใช่แยกส่วนทำแต่ภารกิจของตนเองแล้วไปสร้างปัญหาให้กับคนอื่นจนต้องตามแก้ อย่างเช่น อุตสาหกรรมมาบตาพุดและการกำจัดขยะที่ จ.สระบุรี เป็นต้น สิ่งที่จะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนทุกคน รัฐบาลเข้าใจถึงความยากลำบากและเสียสละของประชาชนในชนบท รัฐไม่ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เป็นการปรับเปลี่ยนระบบสาธารณสุขให้มีความเป็นธรรม พอเพียง และวางระบบการจัดสรรทรัพยากรบุคคลในอนาคต โดยยึดหลักธรรมาภิบาล” นายอภิสิทธิ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น