“มล.วัลย์วิภา” อัดหนัก “กษิต” เปลี่ยนไป เตือนให้กลับตัวกลับใจ เผยผิดหวัง “มาร์ค” ชี้กองกำลังเขมรรุกคืบภูมะเขือ-พนมดงรัก แต่ กต.กลับอ้างยูเอ็นไม่ปกป้องอธิปไตย จวกอย่าหลอก ปชช.ให้กลัว ย้ำรัฐต้องประกาศนโยบายด่วนไม่เห็นด้วยเขมรขึ้นร่วมพระวิหาร เผยล่าสุดแจ้งความ “ชวนนท์” หมิ่นผ่านสารนิเทศน์ กต.พร้อมฝากขอบคุณ “สนธิ” ช่วยชี้แจงให้ ปชช.เข้าใจชัดเจน
ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิชาการ สถาบันไทยคดีศึกษา กล่าวถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ได้ออกมาชี้แจงผ่านรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า รู้สึกมีกำลังใจที่นายสนธิออกมาชี้แจงให้ประชาชนทราบอย่างชัดเจนต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ออกมาปฏิเสธว่าไม่ต้องส่งหนังสือยกเลิกข้อตกลงการขึ้นทะเบียนร่วมปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกับกัมพูชา เนื่องจากข้อตกลงดังกล่าวสิ้นสุดไปแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้สมัยนายกษิตขึ้นเวทีพันธมิตรก็พูดมาตลอดว่าต้องส่งหนังสือยกเลิก
“คุณกษิตเปลี่ยนไป ท่าทีในขณะนี้ของคุณกษิตดูยังไงๆ อยู่ ตั้งแต่คุณกษิตปฏิเสธจะส่งหนังสือยกเลิกข้อตกลงร่วมเราก็รู้ทันทีว่าเปลี่ยนไป ทั้งที่ ฮอร์นัมฮง ส่งหนังสือมาว่าข้อตกลงขึ้นทะเบีนยร่วมฉบับนั้นทางเขมรยังไม่ยกเลิก และสัญญายังคงผูกมัด แต่ กต.ก็ยังไม่ทำอะไร รู้สึกผิดหวังมาก อยากฝากคุณกษิตว่าขอให้กลับตัวกลับใจเสียตั้งแต่ตอนนี้”
ม.ล.วัลย์วิภา ได้แสดงความเป็นห่วงในประเด็นประสาทเขาพระวิหารต่อไปอีกว่า จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งล่าสุด คือ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศเสปน ประเทศกัมพูชาได้แสดงข้อมูลต่อคณะกรรมการมรดกโลกว่าขณะนี้ยังมีความไม่สงบอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในจุดของเขาพระวิหาร ทำให้คณะกรรมการมรดกโลกส่งเรื่องให้กัมพูชาไปจัดการเรื่องการปะทะและการพิพาทที่เกิดขึ้นกับไทยเสีย ให้ทำข้อตกลงกฎหมายภายในของสองประเทศ ทำให้พื้นที่ที่จะขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่สงบเสียก่อน จึงจะยื่นขอเป็นมรดกโลกได้ต่อไป
“เขาต้องหลอกประชาชนว่าสงบแล้ว แล้วทำเป็นกฎหมายภายในเพื่อสงบศึกกับเขมร จะได้ขึ้นเป็นเขาพระวิหาร รัฐบาลทั้ง สมัคร สมชาย หรือแม้กระทั่งของคุณอภิสิทธิ์ ดำเนินนโยบายเดียวกันหมด คือ ต้องการจะทำกรณีเขาพระวิหารให้สำเร็จ เพื่อเป็นตัวอย่างของการแบ่งดินแดงทางบก เพราะในจอยต์คอมมูนิเกระบุชัดมากว่า ต้องจัดการเรื่องแบ่งเขตแดนทางบกให้เรียบร้อยก่อน จึงจะมาจัดการพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลได้ ซึ่งพื้นที่ทับซ้อนในทะเลมันมีเรื่องของทรัพยากรทางทะเลจำพวกก๊าซธรรมชาติอยู่ด้วย”
“ผิดหวังมากกับคุณกษิต แต่ผิดหวังที่สุดกับรัฐบาลโดยเฉพาะคุณอภิสิทธิ์ แม้จะเข้าใจได้ว่ามีกระแสกดดันทางการเมืองก็ตามที ทั้งที่ประชาธิปัตย์เข้ามาได้ก็เพราะเรื่องเขาพระวิหาร เราส่งหนังสือ 3 หน ทางรัฐบาลก็รับรองว่าจะดูแลติดตามเรื่องเป็นอย่างดี เขาไม่เคยปฏิเสธเราเลย ตอนนั้นเราก็ดีใจว่าน่าจะเป็นรัฐบาลที่ดีที่ไว้วางใจได้ จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะตอนประชาธิปัตย์อภิปรายในสภาก่อนจะเป็นรัฐบาลคุณกษิตอภิปรายเรื่องนี้ไว้ดีมาก ประชาธิปัตย์รู้ปัญหาเขาพระวิหารดี อยากฝากถึงคุณอภิสิทธิ์ว่าคุณอภิสิทธิ์เกิดมาดี ชาติตระกูลดี การศึกษาดี อยากให้คุณอภิสิทธิ์ทำสิ่งที่ควรทำ และที่ต้องทำด่วนที่สุดคือประกาศให้ชัดว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการขึ้นทะเบียนร่วมกับกัมพูชา”ม.ล.วัลย์วิภา กล่าว
ม.ล.วัลย์วิภา กล่าวต่อว่า ขณะนี้กัมพูชาได้เคลื่อนกองกำลังมาตั้งมั่นอยู่ในพื้นที่ไทยแล้ว บริเวณอุทานแห่งชาติพนมดงรัก เหนือภูมะเขือ ซึ่งเป็นพื้นที่ฝั่งไทย นายวีระ สมความคิด ก็ได้เดินทางไปพิสูจน์ทราบด้วยตนเอง แต่รัฐบาลก็ยังไม่ทำอะไร
“ถึงเวลาที่ กต. มหาดไทย กระทรวงทรัพยากรฯ กระทรวงกลาโหม จะต้องสร้างความเป็นเอกภาพและต้องแก้ไขปัญหานี้ อย่ากลัวและอย่าหลอกลวงหล่อหลอมให้ประชาชนกลัวว่าหากเกิดการปะทะแล้วสหประชาชาติจะเข้ามาแทรกแซง เพราะกฎบัตรสหประชาชาติชี้แจงไว้ชัดเจนว่า ประเทศสามารถที่จะปกป้องตัวเองในการถูกรุกรานบีฑา สามารถปกป้องตัวเองได้”
ม.ล.วัลย์วิภา กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ได้เดินไปแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทต่อ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและพวก เนื่องจากนายชวนนท์ได้แถลงข่าวออกสื่อสารนิเทศของกต.ว่ามีนักวิชาการบางคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กรณีพระวิหารแบบไม่อยู่บนข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเสียหายและทำให้ประชาชนเข้าใจผิด แม้นายชวนนท์จะไม่ออกชื่อ แต่ก็ได้พิสูจน์ทราบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เชื่อได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทตน และตำรวจรับแจ้งความเรียบร้อยแล้ว