xs
xsm
sm
md
lg

พระราชทานกำลังใจ ทหารป้องพระวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน –“พล.อ.สุรยุทธ์”เป็นผู้แทนพระองค์นำสิ่งของพระราชทานมอบเป็นขวัญกำลังใจให้ทหารไทยที่ตรึงกำลังบริเวณเขาพระวิหาร ด้านกรมศิลปากรเผยไม่สามารถเข้าไปดูแลโบราณสถานที่เป็นกรรมสิทธิ์ของไทยรอบประสาทพระวิหารได้เต็มที่ ทั้งผามออีแดง แหล่งตัดหิน รูปสลักนูนต่ำ รันทดเข้าไปแต่ละครั้งต้องแจ้งทหารก่อน เหตุเกรงไม่ปลอดภัยจากทหารเขมร “อภิสิทธิ์” ยันไทยยังไม่เสียดินแดน สั่ง “กษิต” อออกช่อง 11 แจงข้อมูลวันนี้

วานนี้(6 ก.ย.)เมื่อเวลา 11.45 น. ที่บริเวณด้านหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ นำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยถุงยังชีพพระราชทานจำนวน 500 ถุง มอบแก่ พ.อ.กฤตัชญ์ สรวมศิริ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อนำไปแจกจ่ายเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ให้แก่ทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ

โดยก่อนที่จะประกอบพิธีรับมอบ ทหารไทยทุกนายรวม รวมทั้งผู้เข้าร่วมพิธีทุกคนได้พร้อมใจกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยมี พ.อ.ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 นำคณะทหาร เข้าร่วมในพิธีรับมอบถุงพระราชทานครั้งนี้

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี กล่าวว่า ตนและคณะได้นำถุงพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี มามอบให้กับทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ ดูแลปกป้องอธิปไตยของชาติไทยและเพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งหน้าที่ของทหารไทยทุกนายถือว่าเป็นหน้าที่ที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี พวกเราที่อยู่ข้างหลังต้องขอขอบคุณในความเสียสละทั้งหลายที่ทุกท่านได้ดำเนินการอยู่

“ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และ ขออัญเชิญบุญบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้ทหารไทยทุกนายได้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีกำลังกาย กำลังใจที่ดี สมดังมุ่งหมายทุกประการ ” พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว

กรมศิลป์โอดเข้าบูรณะไม่ได้

นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในปัจจุบัน การเข้าไปดูแลแหล่งโบราณคดีโดยรอบปราสาทพระวิหาร ไม่ว่าจะเป็นสถูปคู่ ผามออีแดง แหล่งตัดหิน รูปสลักนูนต่ำ กรมศิลปากรทำได้ไม่เหมือนแต่ก่อน เพราะขณะนี้ในพื้นที่ดังกล่าวมีทหารของไทย-กัมพูชา เข้ามาดูแลอยู่ หากกรมศิลปากรจะเข้าพื้นที่ไปดูแลแหล่งโบราณคดีจะต้องแจ้งให้ทหารรับทราบก่อน เพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่

ดังนั้น กรมศิลปากรจึงต้องหันไปดูแลโบราณสถานที่อยู่โดยรอบแทน เช่น ปราสาทสด๊อกก๊อกธม ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด เป็นต้น

ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะมีการตรึงกำลังทหารทั้งไทยและกัมพูชาบริเวณปราสาทพระวิหารนั้น กรมศิลปากรสามารถส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการดูแลและบูรณะโบราณสถานในเขตพื้นที่ข้อพิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตรได้ รวมถึงเคยเข้าไปในเขตปราสาทพระวิหารได้ ถึงราวบันได ก่อนเข้าสู่ตัวปราสาท ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ขึ้นกับกัมพูชา โดยเข้าไปทำการบูรณะ สระตราว สถูปคู่ เป็นปกติ

“ตอนนี้บริเวณผามออีแดงมีทหารของทั้งสองฝ่ายเต็มไปหมด เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าใจว่า เป็นเจ้าของพื้นที่ทั้งคู่ ทำให้การดูแลแหล่งโบราณคดีของกรมศิลปากรทำได้ไม่เต็มที่ ซึ่งจะส่งผลเสียทำให้แหล่งโบราณคดีเกิดความเสื่อมโทรม แต่ทั้งนี้กรมศิลปากร ก็ยังต้องพยายามเข้าไปดูแลในพื้นที่ให้ได้ เพราะสถูปคู่ ผามออีแดง แหล่งตัดหิน เป็นของประเทศไทยเป็นสมบัติของชาติที่ต้องดูแลต่อไป”อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว

นายขจร มุกมีค่า ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 จ.อุบลราชธานี กล่าวถึง การเข้าไปดูแลเขตโบราณสถานใน จ.ศรีษะเกศ บริเวณเขาพระวิหาร ผามออีแดง และสถูปคู่ ว่า ตนและเจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้าไปในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเป็นเวลานานแล้ว ก่อนหน้านี้หากจะเข้าไปต้องประสานกับทางอุทยานฯ ก่อน แต่ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากมีการปิดพื้นที่ อีกทั้งมีปัญหาเรื่องผลกระทบเขตแดนที่ยังไม่ได้ปักปันแน่ชัด ประกอบกับมีเรื่องราวการขึ้นบัญชีตัวปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ซึ่งไม่เพียงเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรเท่านั้นที่เข้าถึงพื้นที่ได้ยาก นักท่องเที่ยว หรือแม้แต่ทหาร ซึ่งเป็นกำลังในพื้นที่ต้องระวังความปลอดภัยอีกด้วย

"ก่อนนี้การจะให้นักท่องเที่ยวเข้าชมผามออีแดง สถูปคู่ ยังไม่มีความลำบากเท่าไหร่ เพียงแค่ประสานกับอุทยานฯ ก็เข้าไปดูได้ แต่พอมีปัญหาการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ก็มีการกังวลเรื่องความปลอดภัย เราเองจะเข้าไปก็ลำบาก เพราะบางพื้นที่ค่อนข้างอันตราย แม้แต่ทหารเอง ที่ทำหน้าที่ตรงนั้นก็ยังต้องตรึงกำลังหนาแน่นเพราะไม้รู้ว่าเหตุการณ์จะรุนแรงขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นกรมศิลป์ฯ ทำงานลำบากแน่นอน นักท่องเที่ยวเองก็ไม่มีความสะดวกในการเข้าไปตอนนี้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ทหาร การเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวจึงไม่สะดวก" ผอ.สำนักศิลปากรที่ 11 จ.อุบลราชธานี กล่าว

 “มล.วัลย์วิภา” อัดหนัก “กษิต” เปลี่ยนไป

มล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิชาการ สถาบันไทยคดีศึกษา กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ได้ออกมาชี้แจงผ่านรายการพันธมิตรประชาชนเมื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า รู้สึกมีกำลังใจที่นายสนธิออกมาชี้แจงให้ประชาชนทราบอย่างชัดเจนต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ออกมาปฏิเสธว่าไม่ต้องส่งหนังสือยกเลิกข้อตกลงการขึ้นทะเบียนร่วมปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกับกัมพูชา เนื่องจากข้อตกลงดังกล่าวสิ้นสุดไปแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้สมัยนายกษิตขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ก็พูดมาตลอดว่าต้องส่งหนังสือยกเลิก

“คุณกษิตเปลี่ยนไป ท่าทีในขณะนี้ของคุณกษิตดูยังไงๆ อยู่ ตั้งแต่คุณกษิตปฏิเสธจะส่งหนังสือยกเลิกข้อตกลงร่วมเราก็รู้ทันทีว่าเปลี่ยนไป ทั้งที่ฮอร์นัมฮงส่งหนังสือมาว่าข้อตกลงขึ้นทะเบียนร่วมฉบับนั้นทางเขมรยังไม่ยกเลิก และสัญญายังคงผูกมัด แต่กต.ก็ยังไม่ทำอะไร รู้สึกผิดหวังมาก อยากฝากคุณกษิตว่าขอให้กลับตัวกลับใจเสียตั้งแต่ตอนนี้”

มล.วัลย์วิภาได้แสดงความเป็นห่วงในประเด็นประสาทเขาพระวิหารต่อไปอีกว่า จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งล่าสุด คือครั้งที่ 33 ที่ประเทศเสปน ประเทศกัมพูชาได้แสดงข้อมูลต่อคณะกรรมการมรดกโลกว่า ขณะนี้ยังมีความไม่สงบอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในจุดของเขาพระวิหาร ทำให้คณะกรรมการมรดกโลกส่งเรื่องให้กัมพูชาไปจัดการเรื่องการปะทะและการพิพาทที่เกิดขึ้นกับไทยเสีย ให้ทำข้อตกลงกฎหมายภายในของสองประเทศ ทำให้พื้นที่ที่จะขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่สงบเสียก่อน จึงจะยื่นขอเป็นมรดกโลกได้ต่อไป

“เขาต้องหลอกประชาชนว่าสงบแล้ว แล้วทำเป็นกฎหมายภายใน เพื่อสงบศึกกับเขมร จะได้ขึ้นเป็นเขาพระวิหาร รัฐบาลทั้งสมัคร สมชาย หรือแม้กระทั่งของคุณอภิสิทธิ์ดำเนินนโยบายเดียวกันหมด คือต้องการจะทำกรณีเขาพระวิหารให้สำเร็จ เพื่อเป็นตัวอย่างของการแบ่งดินแดงทางบก เพราะในจ๊อยคอมมูนิเก้ระบุชัดมากว่า ต้องจัดการเรื่องแบ่งเขตแดนทางบกให้เรียบร้อยก่อน จึงจะมาจัดการพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลได้ ซึ่งพื้นที่ทับซ้อนในทะเลมันมีเรื่องของทรัพยากรทางทะเลจำพวกก๊าซธรรมชาติอยู่ด้วย”

“ผิดหวังมากกับคุณกษิต แต่ผิดหวังที่สุดคือรัฐบาลโดยเฉพาะคุณอภิสิทธิ์ ทั้งที่ประชาธิปัตย์เข้ามาได้ก็เพราะเรื่องเขาพระวิหาร เราส่งหนังสือ 3 หน ทางรัฐบาลก็รับรองว่าจะดูแลติดตามเรื่องเป็นอย่างดี เขาไม่เคยปฏิเสธเราเลย ตอนนั้นเราก็ดีใจว่าน่าจะเป็นรัฐบาลที่ดีที่ไว้วางใจได้ จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะตอนประชาธิปัตย์อภิปรายในสภาก่อนจะเป็นรัฐบาลคุณกษิตอภิปรายเรื่องนี้ไว้ดีมาก ประชาธิปัตย์รู้ปัญหาเขาพระวิหารดี อยากฝากถึงคุณอภิสิทธิ์ว่าคุณอภิสิทธิ์เกิดมาดี ชาติตระกูลดี การศึกษาดี อยากให้คุณอภิสิทธิ์ทำสิ่งที่ควรทำ และที่ต้องทำด่วนที่สุดคือประกาศให้ชัดว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการขึ้นทะเบียนร่วมกับกัมพูชา”
  
ชี้กองกำลังเขมรรุกคืบภูมะเขือ

         มล.วัลย์วิภากล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กัมพูชาได้เคลื่อนกองกำลังมาตั้งมั่นอยู่ในพื้นที่ไทยแล้ว บริเวณอุทยานแห่งชาติพนมดงรัก เหนือภูมะเขือ ซึ่งเป็นพื้นที่ฝั่งไทย นายวีระ สมความคิดก็ได้เดินทางไปพิสูจน์ทราบด้วยตนเอง แต่รัฐบาลก็ยังไม่ทำอะไร

“ถึงเวลาที่กต. มหาดไทย กระทรวงทรัพยากรฯ กระทรวงกลาโหม จะต้องสร้างความเป็นเอกภาพและต้องแก้ไขปัญหานี้ อย่ากลัวและอย่าหลอกลวงหล่อหลอมให้ประชาชนกลัวว่าหากเกิดการปะทะแล้วสหประชาชาติจะเข้ามาแทรกแซง เพราะกฎบัตรสหประชาชาติชี้แจงไว้ชัดเจนว่า ประชาที่ถูกรุกรานบีฑา สามารถปกป้องตัวเองได้”

     อย่างไรก็ตาม มล.วัลย์วิภากล่าวอีกด้วยว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ได้เดินไปแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทต่อนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและพวก เนื่องจากนายชวนนท์ได้แถลงข่าวออกสื่อสารนิเทศของกต.ว่ามีนักวิชาการบางคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กรณีพระวิหารแบบไม่อยู่บนข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเสียหายและทำให้ประชาชนเข้าใจผิด แม้นายชวนนท์จะไม่ออกชื่อ แต่ก็ได้พิสูจน์ทราบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เชื่อได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทตน และตำรวจรับแจ้งความเรียบร้อยแล้ว

”มาร์ค” สั่ง “กษิต” แจงด่วน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงกรณีที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 2 กันยายน ให้ความเห็นชอบร่างกรอบการเจรจาเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในกรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปว่า  เนื่องจากเรื่องนี้มีรายละเอียดจำนวนมาก ดังนั้น จะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มาชี้แจงรายละเอียดต่อประชาชนเป็นกรณีพิเศษ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 โดยคาดว่าจะเป็นในวันนี้ (7 ก.ย.)

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวได้ติดตามปัญหาไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ก่อนมาเป็นรัฐบาล สำหรับจุดยืนที่เคยแสดงไป ก็ยังเหมือนเดิมทุกประการ ดังนั้น การเสียสิทธิจากผลของการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ขอยืนยันว่า รัฐบาลจะดำเนินการสกัดกั้นเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาอย่างเต็มที่ ส่วนแถลงการณ์ร่วมที่รัฐบาลก่อนได้ลงนามก็ถูกยกเลิกไปแล้ว สำหรับในพื้นที่เขาพระวิหารยังมีการวางกำลังต่าง ๆ อยู่ และจะพยายามหาทางเจรจาเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงเมื่อปี 2543

“เขตแดนนั้นถือไม่ตรงกัน เรายึดสันปันน้ำ ยกเว้นตัวปราสาทที่ต้องเป็น ไปตามคำพิพากษาของศาลโลก แต่ทางกัมพูชาถือแผนที่อีกฉบับหนึ่ง ข้อตกลงปี 2543 ก็คือ ต้องมีกระบวนการเจรจาตรงนี้ และระหว่างนั้น ไม่ควรมีใครเข้าไปปรับสภาพพื้นที่อันจะกระทบต่อสิทธิของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เราก็พยายามเดินหน้า ในการ ย้อนกลับไปตรงนั้น และขอยืนยันว่า จนถึงนาทีนี้ ไม่มีกรณีใดที่เป็นการดำเนินการ ของรัฐบาลและการปล่อยปละละเลย ที่จะทำให้สูญเสียดินแดนหรืออธิปไตยแต่อย่างใด”นายอภิสิทธิ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น